รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำทีม สธ.ไทย หารือ สธ.เวียดนามถึงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่าง 2 ประเทศ เตรียมทำข้อตกลงร่วมกันฉบับใหม่ พร้อมเสนอ 4 แนวทางสนับสนุนเวียดนามจัดตั้งสำนักงานศูนย์ ACPHEED รวมถึงหารือเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงฮานอย ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเวียดนาม และการช่วยเหลือประสานในการจัดตั้งศูนย์ ACPHEED

วันนี้ (15 มีนาคม 2568) นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย เดินทางไปยังกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ 12-14 มีนาคม 2568 เพื่อหารือความร่วมมือด้านสาธารณสุขไทย-เวียดนาม ร่วมกับรศ.ดร. Nguyen Thi Lien Huong รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม โดยมีหน่วยงานต่างๆของเวียดนามเข้าร่วม ทั้งอธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ อธิบดีกรมอาเซียน ผู้แทนกระทรวงการคลัง และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลังเวียดนาม โดยมีประเด็นสำคัญ คือ 1.การเรียนรู้ด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ได้ขอบคุณประเทศไทยที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความปลอดภัยด้านสุขภาพในระดับภูมิภาค และช่วยพัฒนาบุคลากรสาธารณสุขของเวียดนาม โดยมีนักศึกษาเวียดนามจำนวนมากที่สำเร็จการศึกษาจากไทย และกลับมาทำงานในกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ซึ่งเวียดนามถือว่าประเทศไทยเป็นต้นแบบด้านระบบสาธารณสุข 2.ข้อตกลงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างสองประเทศ โดยเวียดนามให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และเสนอให้มีการพิจารณาทำข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายลงนามร่วมกัน (Memorandum of Understanding) ฉบับใหม่ เนื่องจากข้อตกลงเดิมมีมาตั้งแต่ปี 2555

3.การจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือของศูนย์อาเซียนว่าด้วยสาธารณสุขฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases : ACPHEED) โดยเวียดนามกำลังหารือภายในเกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานศูนย์ ACPHEED ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศในการดำเนินการลักษณะนี้ ทำให้กระบวนการจัดตั้ง มีความท้าทาย โดยเฉพาะด้านกลไกการเงินการคลัง ทำให้เกิดความล่าช้า โดยเวียดนามเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มช่องทางการสื่อสารและความร่วมมือระหว่างประเทศเจ้าบ้าน (Host Country) ทั้งสาม เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานโดยคณะผู้แทนไทยได้เสนอแนวทางสร้างเสริมศักยภาพเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ ACPHEED ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ ศึกษาดูงานศูนย์ความร่วมมือด้านสุขภาพระดับภูมิภาค เช่น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป เป็นต้น, ฝึกอบรมด้านระบาดวิทยาร่วมกันในอาเซียน, พัฒนาศูนย์ข้อมูลเพื่อปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operations Center platform หรือ EOC platform) ร่วมกัน และจัดทำแผนรองรับการระบาดในอนาคตร่วมกัน ซึ่งเวียดนามเห็นด้วยกับทั้ง 4 ประเด็น และเสนอกิจกรรมเพิ่มเติม คือ การหารือเกี่ยวกับ International Health Regulations (IHR) และความร่วมมือด้านโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

“ประเทศไทยยังได้ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนเวียดนามในการเข้าร่วมหารือเพิ่มเติมในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการพัฒนาสาธารณสุข สมัยพิเศษ (SOMHD Special meeting) ในโอกาสที่จะมาถึง และเชิญกระทรวงสาธารณสุขเวียดนามมาเยือนประเทศไทยเพื่อร่วมกันสร้าง Strategic partnership in Global health ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอของเวียดนามที่อยากให้เกิดความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เพื่อทำให้เกิดกลไกการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยไทยได้เสนอให้มีการระบุและแลกเปลี่ยนข้อมูลของผู้ประสานงานหลักของแต่ละประเทศให้ชัดเจน และอาจพิจารณาส่งบุคลากรเข้าทำงานร่วมกัน ณ ศูนย์เลขาธิการ ACPHEED เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประสานงานอย่างบูรณาการ” นพ.พงศธรกล่าว

นพ.พงศธรกล่าวต่อว่า ในโอกาสนี้ ยังได้เข้าพบหารือกับ น.ส.อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอยและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเวียดนาม ซึ่งปีหน้าจะเป็นวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม และนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจากไทยมีแผนในการเยือนเพื่อการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเวียดนามอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ในเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ งานด้านการแพทย์และสาธารณสุขเวียดนามได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และรัสเซีย โดยเวียดนามกำลังพัฒนาความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและกำลังจัดตั้งศูนย์ข้อมูลระดับชาติ รวมถึงกำลังเปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับ Semiconductor ภายในประเทศ ขณะที่ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของเวียดนามเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสัดส่วนชนชั้นกลางจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในอนาคต

นอกจากนี้ ยังหารือถึงแนวทางส่งเสริมความร่วมมือในอนาคตของภาคสาธารณสุข ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ รับทราบถึงข้อเสนอหลักและแผนการดำเนินงานที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตและให้ความสำคัญใน 3 ประเด็น คือ การเยือนของเวียดนามเพื่อหารือข้อตกลงความร่วมมือ Bilateral agreement/MOU ในส่วนของ Strategic partnership in Global health, การส่งเสริมอุตสาหกรรมทางด้านสุขภาพ (Health and Wellness) ของไทยในนานาประเทศ โดยเสนอให้มีการเข้าร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในงานสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้นที่เวียดนาม เช่น งาน Meeting Thailand ในเดือนกรกฎาคม 2568 รวมถึงประเด็นกิจกรรมและแผนการดำเนินงาน (Follow up activities) เพื่อส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ ACPHEED ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ยินดีให้การช่วยเหลือในการติดต่อประสานงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

************************************************* 15 มีนาคม 2568

 

 

 



   
   


View 163    15/03/2568   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ