กระทรวงสาธารณสุข โดย กรมอนามัย จับมือ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  และภาคีเครือข่าย ระดมความคิดเพื่อขับเคลื่อนและยกระดับนโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน สู่นโยบายแห่งชาติ สร้างวิถีแห่งแม่ ครอบครัว และชุมชน  เป็นค่านิยมของสังคมและวัฒนธรรมของชาติที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพมหานคร

          วันนี้ (24 มิถุนายน 2568) นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านจำนวนประชากรที่ลดลง ในขณะที่ประชากรสูงวัยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งด้านสังคม ความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากการผลักดันนโยบายส่งเสริมการเกิดดี มีคุณภาพ ปัจจัยพื้นฐานที่เด็กไทยทุกคนควรได้ เพื่อสุขภาพที่ดี คือ การได้รับนมแม่อย่างเพียงพอ กระทรวงสาธารณสุขจึงให้ความสำคัญในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพราะนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก มีสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของทารก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และส่งเสริมพัฒนาการทางสมองและสติปัญญา จึงได้เร่งวางรากฐานในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างเป็นระบบ ด้วยการจัดทำแผนนโยบายแห่งชาติด้านการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วนมแม่ ผ่านเป้าหมายที่ชัดเจน ต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับนโยบายสู่การปฏิบัติจริง ผลักดันให้สถานพยาบาลทุกแห่งเป็นมิตรกับทารกและมารดา และมีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุต่ำกว่า 3 ปี ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) และ องค์การยูนิเซฟ พร้อมทั้ง จัดอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขในการให้คำปรึกษา และสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างมีประสิทธิภาพ

          นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  และภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน เร่งขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน มาตั้งแต่ปี 2566 เนื่องจากปัญหาในขณะนั้น พบว่า แม่มักจะให้นมแม่ควบคู่กับน้ำ มากถึงร้อยละ 40 ส่งผลให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนของประเทศไทยค่อนข้างต่ำ โดยในปี 2565 จากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย หรือ MICS (Multiple Indicators Cluster Survey) พบว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน มีเพียงร้อยละ 28.6 แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ ร้อยละ 14 ในปี 2568 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยังคงเดินหน้าจับมือกับทุกภาคส่วน จัดทำข้อตกลงความร่วมมือในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และรณรงค์ให้เกิดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนเพิ่มมากขึ้น และขยายจำนวนภาคีเครือข่ายสร้างแข็งแกร่งขึ้น พร้อมทั้ง ระดมความคิดในการยกระดับสู่นโยบายระดับชาติเพื่อให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนของประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิม สร้างประชากรไทยในอนาคตให้มีคุณภาพ ทัดเทียมกับนานาชาติ

          ด้านแพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาต้นทุนมนุษย์ในช่วง 3 ขวบปีแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีพัฒนาการของสมองอย่างรวดเร็ว และเด็กเรียนรู้จากปัจจัยแวดล้อมได้ไวที่สุด เป็นช่วงวัยหน้าต่างแห่งโอกาสเพียงช่วงเวลาสั้นๆ จึงร่วมมือกับกรมอนามัยและภาคีเครือข่ายรณรงค์ให้ทารกและเด็กช่วงวัยนี้ ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ร่วมกับการเลี้ยงดูคู่เรียนรู้ด้วยการดูแลอย่างเอาใจใส่อย่างรอบด้าน เพื่อช่วยให้เขาได้รับประโยชน์จากการได้กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนและนมแม่ร่วมกับอาหารตามวัยเหมาะสมถึง 2 ปีหรือนานกว่า ตามข้อเสนอแนะขององค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การยูนิเซฟ ซึ่งเป็นการลงทุนด้วยต้นทุนน้อยแต่ประโยชน์ที่ได้กลับมาสูงสุด ให้เด็กมีสุขภาวะ และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของประเทศและโลกต่อไป

                                                                                                                                                    กรมอนามัย / 24 มิถุนายน 2568



   
   


View 23    24/06/2568   ข่าวในรั้ว สธ.    กรมอนามัย