“มะเร็งปอด” โรคร้ายที่มักตรวจพบเจอเมื่อมีอาการและโรคเข้าสู่ระยะลุกลามทำให้อัตราการเสียชีวิตสูง บุหรี่/บุหรี่ไฟฟ้า ควันบุหรี่มือสอง งานที่ต้องสัมผัสสาร ก่อมะเร็ง พันธุกรรมมีความเสี่ยง รวมถึงการดำเนินชีวิตท่ามกลางมลพิษและฝุ่น PM 2.5 ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด

          นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งปอด เป็นมะเร็งที่คนทั่วโลกป่วยและเสียชีวิตมากที่สุด จากสถิติองค์การอนามัยโลกพบว่า แต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 2.5 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 1.8 ล้านคน สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งปอดถือเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อย ซึ่งพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 3 ในเพศหญิง แต่ละปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่ประมาณ 17,947 ราย เป็นเพศชาย 11,060 ราย และเพศหญิง 6,887 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 15,022 ราย หรือคิดเป็น 41 รายต่อวัน มะเร็งปอด แบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (small cell lung cancer) พบได้ประมาณ 10-15% มะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่ขนาดเล็ก (non-small cell lung cancer) พบได้ประมาณ 85-90% เนื่องจากปอดเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการนำก๊าซออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ระบบเลือดและนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกสู่สิ่งแวดล้อม ดังนั้น หากเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามความรุนแรงต่อชีวิตจึงค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม หากตรวจให้พบเจอได้ตั้งแต่ระยะแรกจะมีโอกาสรักษาหายสูง แต่ความน่าวิตกคือผู้ป่วยมะเร็งปอดมักมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปมากแล้วทำให้การรักษาทำได้ยากขึ้น หรืออาจทำได้เพียงการรักษาแบบประคับประคอง

เรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า มะเร็งปอดมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญมาจากการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่มือสอง การสัมผัสสารก่อมะเร็ง เช่น แร่ใยหิน รวมถึงมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรมที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรค อาการของมะเร็งปอดมักโดยทั่วไปมักไม่เฉพาะเจาะจง และอาจคล้ายคลึงกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่ เสียงแหบ ปอดติดเชื้อบ่อย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หากมีอาการเหล่านี้เรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยกระบวนตรวจวินิจฉัยมะเร็งปอดเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และการตรวจเอกซเรย์ทรวงอกหรือ CT scan หากพบสิ่งผิดปกติ แพทย์จะทำการเก็บชิ้นเนื้อเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยาด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การส่องกล้องหลอดลม การเจาะชิ้นเนื้อ หรือการผ่าตัดเล็ก นอกจากนี้อาจมีการตรวจ PET scan เพื่อประเมินการแพร่กระจายของโรค และในบางกรณีแพทย์อาจส่งตรวจทางพันธุกรรมของเนื้องอกเพื่อช่วยกำหนดแนวทางการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพในระดับประชากร แต่สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน อาจพิจารณาให้เข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยเอกซเรย์ปอดหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้รังสีต่ำ (Low-Dose CT Scan) เพื่อค้นหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ

แพทย์หญิงณัษฐา พิภพไชยาสิทธิ์ แพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่าการรักษาโรคมะเร็งปอดจะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยการรักษาในปัจจุบันนั้น ประกอบไปด้วย การผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด การรักษาด้วยยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง และ/หรือการรักษาด้วยยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการรักษา เช่น หากเป็นชนิดเซลล์ขนาดเล็ก การรักษาหลักคือการฉายรังสีร่วมกับยาเคมีบำบัด แต่ถ้าหากเป็นชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กที่มะเร็งยังไม่ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง การรักษาหลักคือการผ่าตัดและตามด้วยยาเคมีบำบัด ในบางกรณีหากโรคเริ่มลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง จำเป็นต้องได้รับการรักษาหลายชนิดร่วมกัน แต่ถ้าหากโรคลุกลามไปมากแล้ว การรักษาด้วยยาต่าง ๆ จะเป็นการรักษาหลัก ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นต้น

มะเร็งปอดถือว่าเป็นมะเร็งที่มีความรุนแรงของโรคค่อนข้างมากส่งผลกระทบต่อชีวิตสูง อีกทั้งการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะแรกค่อนข้างลำบากทำให้ประสิทธิภาพของการรักษามีข้อจำกัด ทางที่ดีที่สุดคือควรมุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษาโดยสาเหตุที่สำคัญของการเกิดมะเร็งปอดนั้นเกิดจากบุหรี่ จึงควรหยุดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่ อยู่อาศัยในสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายหากต้องปฏิบัติงานในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และหมั่นตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการหาความรู้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ผ่านทาง Facebook : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ National Cancer Institute  และ  Line : NCI รู้สู้มะเร็ง

                                                            …………………………..                                                               - ขอขอบคุณ -

4 มิถุนายน 2568



   


View 44    04/06/2568   ข่าวในรั้ว สธ.    กรมการแพทย์