ไทย – อินโดนีเซีย กระชับความสัมพันธ์ จับมือเสริมความเข้มแข็งระบบสุขภาพระหว่างสองประเทศ

กระทรวงสาธารณสุขไทย และกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข บนพื้นฐานหลักการความเท่าเทียม การแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน และการเคารพและผลประโยชน์ร่วมกัน ในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต มุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบสุขภาพ, ป้องกันควบคุมโรคติดต่อ, สุขภาพหนึ่งเดียว, ความมั่นคงด้านยาฯ, พัฒนาเซรุ่ม, การแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์ทางเลือก, กำลังคน, การเงินการคลัง และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 

วันนี้ (19 พฤษภาคม 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แห่งราชอาณาจักรไทย และนายซูกีโยโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยมี นายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยนายสมศักดิ์เปิดเผยว่า วันนี้ นายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย และได้แสดงเจตจำนงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้งเห็นพ้องให้ยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ โดยจะขยายความร่วมมือใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การส่งเสริมการสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุข 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของทั้งสองประเทศครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการตอบรับเจตจำนงดังกล่าว โดยกำหนดกรอบความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างสองประเทศบนพื้นฐานหลักการความเท่าเทียม การแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน และการเคารพและผลประโยชน์ร่วมกัน ประกอบด้วย การเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ รวมถึงระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงเอชไอวีและเอดส์ สุขภาพหนึ่งเดียว รวมถึงการจัดการเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ ความมั่นคงด้านยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ การพัฒนาเซรุ่มต้านพิษสัตว์หรือแมลงมีพิษที่สำคัญ การแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์ทางเลือก กำลังคนด้านสุขภาพ การเงินการคลังด้านสุขภาพ รวมถึงหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการประเมินเทคโนโลยีสุขภาพ ตลอดจนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้และความเชี่ยวชาญ การเข้าร่วมการประชุม การประชุมเชิงวิทยาศาสตร์ และการประชุมเชิงปฏิบัติการ/การสัมมนา การพัฒนาศักยภาพ การฝึกอบรมและการส่งบุคลากรไปช่วยปฏิบัติงาน โครงการร่วมและการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ รวมถึงการทดลองทางคลินิก และรูปแบบความร่วมมืออื่นๆ โดยมีระยะเวลาความร่วมมือ 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนาม และอาจขยายออกไปอีก 3 ปี โดยความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรร่วมกันของผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่ายผ่านช่องทางทางการทูต