สธ. จับมือ สคส. พัฒนางานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้านสาธารณสุข พร้อมจัดประชุมวิชาการต่อยอดนโยบายดิจิทัลสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมวิชาการเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสาธารณสุขระดับชาติ มุ่งให้เกิดการประยุกต์ใช้นวัตกรรม สร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการต่อยอดเทคโนโลยีดิจิทัลในระบบสาธารณสุข พร้อม MOU คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้านสาธารณสุข ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กับ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พัฒนาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้ารับบริการสาธารณสุขให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ (19 พฤษภาคม 2568) ที่ อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมวิชาการเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสาธารณสุขระดับชาติ ครั้งที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “Digital Health Technology in Cybersecurity & PDPA Era” และเป็นประธานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้านสาธารณสุข ระหว่าง นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ พันตำรวจเอกสุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยมี พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมเสวนา “สิ่งที่ผู้บริหารควรรู้เมื่อโรงพยาบาลถูกโจมตี (Cyber Attack) และการดูแลความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย PDPA” และมีผู้บริหารหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค นักวิชาการ นักวิจัย เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้สนใจเข้าร่วมงาน 800 คน 

นายกิตติกร กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัล โดยเน้นการบูรณาการข้อมูลให้สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียมและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน ซึ่งการใช้เทคโนโลยี AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ในระบบบริการสุขภาพจะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถตัดสินใจได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้มีความสำเร็จแล้วหลายโครงการ อาทิ การพัฒนา Big Data โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ช่วยให้ค้นหากลุ่มเสี่ยงเพื่อยับยั้งไม่ให้เข้าสู่กลุ่มป่วย และวางแผนการดูแลป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับโรค NCDs ของประเทศ การจัดประชุมวิชาการเทคโนโลยีสารสนเทศด้านสาธารณสุขระดับชาติฯ ครั้งนี้ จึงเป็นเวทีสำคัญที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ๆ การประยุกต์ใช้นวัตกรรม และการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่จะนำไปสู่การต่อยอดนโยบายและพัฒนางานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในระบบสาธารณสุขให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น 

นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่มีข้อมูลสุขภาพของประชาชนอยู่ในความดูแลจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องมีการบริหารจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ควบคู่ไปกับการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล ซึ่งการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้านสาธารณสุข ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กับ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ครั้งนี้ จะทำให้บุคลากรได้พัฒนาศักยภาพ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ร่วมกันพัฒนากลไกและมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้านสุขภาพให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งยังช่วยให้ประชาชนที่เข้ารับบริการตามนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เกิดความมั่นใจในการเข้ารับบริการ ว่าข้อมูลสุขภาพของตนจะได้รับการดูแลและคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด 

ด้านพันตำรวจเอกสุรพงศ์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านสาธารณสุขของประเทศ มีการใช้ข้อมูลด้านสุขภาพของประชาชนที่ถือเป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหว ดังนั้น การเก็บรวบรวม หรือเปิดเผยข้อมูลต่างๆ อาจเกิดเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เพื่อให้เกิดการร่วมกันส่งเสริม วางแผน ประสานงาน สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ ระบบจัดการความรู้ในการดำเนินงาน และให้คำแนะนำในการกำกับดูแลการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของหน่วยงานด้านสาธารณสุขให้ถูกต้องครบถ้วน รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง