วันนี้ (24 ธันวาคม 2567) นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organization; WHO) ณ วันที่ 13 ธันวาคม 2567 รายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2546 - 1 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยสะสม 939 ราย เสียชีวิต 464 ราย ใน 24 ประเทศ และข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (The United States Centers for Disease Control and Prevention; U.S. CDC) ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2567 รายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกในปี 2567 จำนวน 64 ราย ใน 9 รัฐ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการสัมผัสโคนมที่ติดเชื้อ 39 ราย สัมผัสสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ 22 ราย สัมผัสสัตว์อื่นๆ 1 ราย และไม่ระบุแหล่งที่มาของการติดเชื้อ 2 ราย นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยในปี 2567 เพิ่มเติมในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม กัมพูชา และ สปป.ลาว
           “สถานการณ์โรคไข้หวัดนกในต่างประเทศเพิ่มขึ้นสูงขึ้น ส่วนใหญ่พบผู้ป่วยเชื่อมโยงกับสัตว์ปีกติดเชื้อสัตว์ปีกป่วยตาย หรือโคนมที่ติดเชื้อ อีกทั้งยังมีการพบเชื้อในสัตว์ปีก นกธรรมชาติ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วโลกเพิ่มขึ้น แม้ไทยไม่มีรายงานโรคในคนตั้งแต่ปี 2549 แต่ปัจจัยเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ การเดินทางระหว่างประเทศและการเลี้ยงสัตว์ปีกยังคงสูง ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ร่วมกับกรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานฯ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมภายใต้ความร่วมมือสุขภาพหนึ่งเดียว (One Health) มาอย่างต่อเนื่อง” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว


          ด้าน นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้เพิ่มความเข้มงวดการเฝ้าระวังในโรงพยาบาลและจุดคัดกรองโรค โดยได้สั่งการและให้คำแนะนำหน่วยบริการในทุกจังหวัดยกระดับการเฝ้าระวังในคน โดยเน้นการซักประวัติเสี่ยง ณ จุดคัดกรองโรคที่โรงพยาบาล ติดป้ายแจ้งเตือนผู้มารับบริการ หากผู้ป่วยที่มีอาการไข้ และมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย หายใจหอบเหนื่อย หรือหายใจลำบาก และมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก หรือฟาร์มโคนมให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่
          “บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข ปศุสัตว์ และสัตว์ป่า ถือเป็นกลุ่มสำคัญที่ต้องได้รับการป้องกันอย่างเหมาะสม เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงจากการปฏิบัติงานใกล้ชิดผู้ป่วยและอาจสัมผัสเชื้อโดยตรง การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำปีเป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญ แม้จะไม่ได้ป้องกันโรคไข้หวัดนกโดยตรง แต่ช่วยลดความรุนแรงของอาการ และลดโอกาสการติดเชื้อร่วมระหว่างไวรัสไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายพันธุ์ ของเชื้อที่รุนแรงขึ้น กรมควบคุมโรคแนะนำให้บุคลากรกลุ่มดังกล่าวฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด กรมควบคุมโรค ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนมาตรการป้องกัน เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ใช้เองในประเทศ เพื่อความมั่นคงด้านวัคซีน ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ และเพิ่มความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน" นพ.ดิเรก กล่าว
          กรณีผู้ป่วยไข้หวัดนกที่มีอาการรุนแรงรายล่าสุดในสหรัฐอเมริกา พบมีประวัติการสัมผัสฝูงนกป่วยหรือตายที่เลี้ยงไว้ในสวนหลังบ้าน นอกจากนี้ยังพบมีการรายงานผู้ป่วยที่มีความเชื่อมโยงกับการสัมผัสโคนมติดเชื้อเพิ่มขึ้น กรมควบคุมโรค และ กรมปศุสัตว์ ขอแนะนำเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ หากพบสัตว์ปีก นกธรรมชาติ นกอพยพ และโคนม ป่วยหรือตายผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ไปตรวจสอบทันที หรือโทรสายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225-6888 และหากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ หรือมีเยื่อบุตาอักเสบ (ตาแดง) หลังสัมผัสกับสัตว์ ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยงให้แพทย์ทราบ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

*********************************
ข้อมูลจาก: กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่: 24 ธันวาคม 2567


 



   
   


View 42    24/12/2567   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ