![](https://pr.moph.go.th/assets/uploads/news/2566/jrkxn4tz7xo5.jpg)
กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคีเครือข่าย “รณรงค์ล้างส้วมพร้อมกัน...รับวันสงกรานต์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย วันที่1-7 เมษายน 2559 ในส้วมสาธารณะ 12 ประเภทโดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยว เน้น 7 จุดเสี่ยงอันตรายที่พบตรวจเชื้อโรคเตรียมขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ปรับปรุงส้วมในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดผ่านมาตรฐานแฮส (HAS…Happy Toilet) อย่างน้อย 3 แห่ง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัดและประเทศ
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี จะมีประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวหรือเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันรณรงค์ล้างส้วมพร้อมกัน...รับวันสงกรานต์ และพัฒนาส้วมสาธารณะในสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่สาธารณะเป้าหมาย ให้สะอาด ได้มาตรฐาน เพียงพอ ให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเชิญชวนเจ้าของสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศทำความสะอาดส้วมพร้อมกัน ในวันที่ 1 – 7 เมษายน เพื่อให้ผู้เดินทางใช้บริการส้วมสาธารณะอย่างมีความสุข ปลอดภัย เน้นการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ใน 7 จุดเสี่ยงอันตรายที่พบตรวจเชื้อโรค ได้แก่ ที่จับสายฉีดน้ำซึ่งตรวจพบเชื้อโรคมากที่สุดถึงร้อยละ 85 บริเวณพื้นห้องส้วมพบร้อยละ 50 ที่รองนั่งโถส้วมพบร้อยละ 31 ที่กดโถส้วมและโถปัสสาวะพบร้อยละ 8 ที่เปิดก๊อกอ่างล้างมือร้อยละ 7 กลอนประตูหรือลูกบิดร้อยละ 3 รวมทั้งส่งเสริมพฤติกรรมการใช้ส้วมที่ถูกวิธีคือ ไม่ขึ้นไปเหยียบบนโถส้วมแบบนั่งราบ ไม่ทิ้งวัสดุลงโถส้วม ราดน้ำหรือกดชักโครกทุกครั้งหลังการใช้ส้วม และล้างมือทุกครั้งหลังการใช้ส้วม
กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการโครงการพัฒนาส้วมสาธารณะไทย 12 ประเภทให้ผ่านมาตรฐานแฮส (HAS) คือ สะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) และปลอดภัย (Safety) ได้แก่ 1.สถานศึกษา 2.สถานที่ราชการ 3.โรงพยาบาล 4.ศาสนสถาน 5.สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง 6.แหล่งท่องเที่ยว 7.สวนสาธารณะ 8.ห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า 9.ร้านจำหน่ายอาหาร 10.ตลาดสด 11.สถานีขนส่งทางบก/ทางอากาศ และ12.ส้วมสาธารณะริมทาง ผลการดำเนินงานรอบ 10 ปีที่ผ่านมาดีขึ้นเป็นลำดับ มีส้วมสาธารณะผ่านเกณฑ์เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9 ในปี 2549 เป็นร้อยละ 71 ในปี 2558 โดยส้วมสาธารณะในแหล่งท่องเที่ยวผ่านเกณฑ์ร้อยละ 74
ทั้งนี้ ผลสำรวจของกรมอนามัยพบว่าส้วมสาธารณะที่ประชาชนเลือกใช้บริการมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ส้วมห้างสรรพสินค้า ร้อยละ 87 ส้วมปั๊มน้ำมันร้อยละ 73 สถานที่ท่องเที่ยวร้อยละ 59 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้ส้วมขณะเดินทางท่องเที่ยว รวมทั้งการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา มากขึ้นกระทรวงสาธารณสุข จึงได้ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพัฒนาให้ส้วมสาธารณะใน 12 เมืองต้องห้ามพลาดและ 12 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส (เมืองคู่แฝด) สะอาด เพียงพอ และปลอดภัย ได้มาตรฐาน HAS… Happy Toilet ที่กรมอนามัยกำหนด พร้อมบริการแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ จะขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ปรับปรุงส้วมในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของจังหวัดผ่านมาตรฐาน HAS…Happy Toilet อย่างน้อย 3 แห่ง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัดและประเทศรวมทั้งจัดทำแผนแม่บทพัฒนาส้วมไทยในอนาคต รองรับสังคมผู้สูงอายุที่คาดว่าจะเพิ่มเป็นร้อยละ 20 หรือ 14.5 ล้านคนในปี 2568 มุ่งเน้นให้สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สาธารณะต่างๆ มีส้วมผู้พิการพร้อมใช้งาน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกตามกฎหมายกำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและผู้พิการอย่างทั่วถึง
ด้าน นางกอบกาญจน์ สุริยสัตย์ วัฒนวรางกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการเตรียมความพร้อมห้องน้ำสาธารณะที่สะอาดได้มาตรฐานเพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวโดยจัดโครงการรณรงค์ห้องน้ำสาธารณะสะอาดเพื่อการท่องเที่ยว หรือWC OK เน้นบูรณาการความร่วมมือจากองค์กรภาครัฐและเอกชนผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน สร้างเป็นเครือข่ายเพื่อการรณรงค์พัฒนาและส่งเสริมให้มีห้องน้ำสาธารณะที่สะอาดได้มาตรฐานในแหล่งท่องเที่ยวไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว โดยร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขให้การรับรองห้องน้ำสาธารณะสะอาดที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ แฮส (HAS… Happy Toilet) ของกรมอนามัย และให้ได้รับการรับรองเป็นห้องน้ำสาธารณะสะอาดเพื่อการท่องเที่ยว(WCOK) ในปีที่ผ่านมา มีภาคีเครือข่ายเข้าร่วมโครงการถึง 784 องค์กร และมีห้องน้ำผ่านเกณฑ์ถึง 151,952 ห้อง ในปี 2559 ตั้งเป้าความร่วมมือเพิ่มอีกร้อยละ 5 ในเครือข่ายห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ในการร่วมกันพัฒนาและดูแลห้องน้ำสาธารณะนั้น นอกจากจะคำนึงถึงการผ่านเกณฑ์มาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย มีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการแล้ว จะมีการจัดอบรมสัมมนาใน 12 จังหวัดจาก “12 เมืองต้องห้าม...พลาด”, “12 เมืองต้องห้าม...พลาด Plus” และ “เขตพัฒนาการท่องเที่ยว (Cluster 5+3)” รวมผู้อบรม 1,500 คน แบ่งเป็น 2 หลักสูตร ดังนี้ 1) หลักสูตรการบริหารจัดการภาพลักษณ์ห้องน้ำเพื่อการท่องเที่ยว สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ได้แก่ ผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชนในพื้นที่ รวม 750 คน 2) หลักสูตรการเป็นเจ้าบ้านที่ดีเพื่อรองรับการท่องเที่ยวอาเซียน การสร้างจิตสาธารณะเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สำหรับกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา รวม 750 คน รวมทั้งการจัดงานรณรงค์ห้องน้ำสาธารณะสะอาดและประชาสัมพันธ์หลักเกณฑ์ในการประเมินมาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว (WC OK) ประกอบด้วย แถลงข่าวร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1 ครั้ง และจัดงานรณรงค์จำนวน 3 ครั้ง ในกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยชาวต่างชาติได้ตระหนักถึงความสะอาดของห้องน้ำซึ่งเป็นพื้นฐานในการบริการให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเน้นที่ห้องน้ำสะดวก สะอาดนั้น มีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวพร้อมทั้งกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจง่ายขึ้นในการเดินทางมาท่องเที่ยวและบอกต่อๆ ถึงห้องน้ำที่ได้มาตรฐานของไทย และเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ พร้อมกับยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวของไทยอย่างยั่งยืนอีกด้วย
******************** 31 มีนาคม 2559
View 12
31/03/2559
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ