ปลัดกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงผู้ป่วยที่เสียชีวิต 2 รายที่จ.นครศรีธรรมราชไม่ใช่ไข้หวัดนก แต่เกิดจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอช1 เอ็น1 ระบุแนวโน้มการระบาดปีนี้เพิ่มสูงขึ้น พบผู้ป่วยทั่วประเทศแล้วว่า 16,000 ราย สั่งกำชับทุกจังหวัดเข้ม 4 มาตรการทั้งป้องกันและรักษา โดยให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย พักงานหรือหยุดเรียนเมื่อป่วยเป็นหวัด ล้างมือบ่อยๆ และให้ยาโอเซลทามิเวียร์ตามแนวทางการรักษาอย่างเคร่งครัด ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแพทย์ผู้รักษาในกรณีพบผู้ป่วยอาการหนัก ย้ำประชาชนกลุ่มเสี่ยงเมื่อป่วยหากอาการไม่ดีขึ้น 2 วันให้รีบพบแพทย์

จากกรณีที่มีข่าวพบผู้ป่วยไข้หวัดติดเชื้อเอช5เอ็น1(H5N1)เสียชีวิตแล้ว 2 รายที่นครศรีธรรมราชและโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชรับผู้ป่วยไข้หวัดไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล 12 รายนั้น วันนี้(18 มีนาคม 2557)นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว ว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบผลการตรวจวิเคราะห์เชื้ออย่างละเอียดจากห้องปฏิบัติการ พบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ชนิด เอช1เอ็น1 (H1N1) ซึ่งเป็นไข้หวัดประจำฤดูกาลไม่ใช่ไข้หวัดนกแต่อย่างใด และจากการประสานเครือข่ายการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในพื้นที่ ได้ตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชแล้ว พบว่า ขณะนี้โรงพยาบาลได้รับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ชนิด เอช1เอ็น1 (H1N1) รักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 4 รายเท่านั้น โดย 2 ราย อาการหายดีกลับบ้านแล้ว

นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า โรคที่เป็นห่วงขณะนี้คือ ไข้หวัดใหญ่ จากเชื้อ เอช 1 เอ็น 1 หรือที่เรียกว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งขณะนี้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล พบว่าแนวโน้มมีผู้ป่วยมากขึ้นเนื่องจากเป็นโรคที่ติดต่อกันง่ายทางระบบทางเดินหายใจ และประชาชนยังขาดการป้องกันตนเองจากการติดตามของกระทรวงสาธารณสุข ไม่พบเชื้อกลายพันธุ์ ในปี 2557 ตั้งแต่ มกราคม มีนาคม พบผู้ป่วยทั่วประเทศ 16,065 ราย เสียชีวิต 9 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานและผู้สูงอายุ ในขณะที่ตลอดปี 2556 พบผู้ป่วย 43,791 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

 ทั้งนี้ได้สั่งกำชับให้ทุกจังหวัดเข้ม 4 มาตรการป้องกันและรักษา ได้แก่ 1.รณรงค์ประชาชนล้างมือบ่อยๆ ซึ่งให้ผลดีมากป้องกันได้ทั้งไข้หวัดใหญ่และท้องเสีย 2.เมื่อป่วยให้ใส่หน้ากากอนามัย 3.ให้หยุดงานหรือหยุดเรียนเมื่อป่วย และ4.ให้แพทย์ให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ตามแนวทางการรักษาอย่างเคร่งครัด เชื้อยังไม่มีการดื้อยา ขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งสำรองยาไว้อย่างเพียงพอและให้องค์การเภสัชกรรมผลิตยานี้เพิ่มอีกจำนวน 3 ล้าน 5 แสน แคปซูล ในสัปดาห์หน้า และให้โรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากผิดปกติให้จัดจุดตรวจให้บริการแบบเบ็ดเสร็จแยกผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจจากผู้ป่วยอื่นและแจกหน้ากากอนามัยทุกราย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่ผู้ป่วยอื่น พร้อมทั้งให้กรมการแพทย์ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อทางเดินหายใจและปอดจากกระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยให้คำปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษากรณีที่พบผู้ป่วยมีอาการหนัก 

ทางด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้ให้สำนักควบคุมโรคทั้ง 12 เขต ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่ไปรับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลทุกแห่งเพื่อตรวจจับสัญญาณผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและปรับระบบบริการให้เหมาะสม และจัดให้มีการประชุมผู้เชี่ยวชาญทุกสัปดาห์ ประเมินสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ และให้ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ควบคุมโรคทันทีหากพบผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่

ขอย้ำเตือนประชาชนที่ที่มีอาการป่วย ได้แก่ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ ขอให้นึกถึงไข้หวัดใหญ่ ขอให้หยุดงานหรือหยุดเรียน ผู้ใหญ่ควรใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู้ผู้อื่นโดยเฉพาะเด็กๆหรือลูกหลานที่อยู่ในบ้าน หากไม่ดีขึ้นใน 2 วันให้รีบพบแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากอันตรายของโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคหอบหืด โรคทางเดินหายใจอุดตัน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ให้พบแพทย์ทันที              

 

 

                                                                                                  **************** 18  มีนาคม 2557



   
   


View 10    18/03/2557   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ