“สมศักดิ์” ประชุมผู้บริหาร สธ.นัดแรกปี 68 จัดเต็มของขวัญวันเด็ก-วันผู้สูงอายุ เพิ่มเข้าถึงการรักษาขั้นสูง ปลื้มมีคนนับคาร์บแล้ว 11.8 ล้านคน เดินหน้าให้ได้ 50 ล้านคน ภายในปี 2568
- สำนักสารนิเทศ
- 332 View
- อ่านต่อ
วันนี้(29 เมษายน 2556) ที่โรงแรมเพชรรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด นายแพทย์
นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ได้รับรองว่า โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และ ยังได้รับรองว่าการเป็นพยาธิใบไม้ตับเรื้อรัง หรือ มีการติดเชื้อซ้ำบ่อยๆในระยะยาว จะเป็นสารก่อมะเร็ง เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีได้ จากการสำรวจสถานการณ์ความชุกของโรคพยาธิใบไม้ตับในประเทศไทย พบได้เฉลี่ยร้อยละ 9 โดยพบในภาคอีสานสูงที่สุดร้อยละ 18 บางหมู่บ้านมีอัตราความชุกสูงมากถึงร้อยละ 85 รองลงมาคือภาคเหนือพบร้อยละ 10 บางหมู่บ้านมีอัตราความชุกสูงร้อยละ 46
ทั้งนี้ ความชุกของพยาธิใบไม้ตับ สอดคล้องกับข้อมูลการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดี จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าปี 2548 เป็นปีที่คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดีสูงที่สุด ประมาณ 28,000 ราย ข้อมูลล่าสุดใน ปี2554 มีผู้เสียชีวิต 14,314 ราย มากที่สุดคือภาคอีสาน 7,593 ราย รองลงมาคือภาคเหนือ 2,638 ราย จึงถือได้ว่าโรคนี้เป็นปัญหาสำคัญและรุนแรงอย่างมาก ก่อให้เกิดความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิต และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เนื่องจากผู้ป่วยมักอยู่ในช่วงอายุ 45-55 ปี ซึ่งเป็นวัยทำงาน เป็นเสาหลักครอบครัว กระทรวงสาธารณสุขจึงต้องเร่งรณรงค์ควบคุมป้องกัน ไม่ให้คนไทยใช้ชีวิตร่วมกับพยาธิใบไม้ตับ ในขณะที่อีก 2 ปี ข้างหน้า ปี พ.ศ. 2558 จะครบ 100 ปี ที่มีรายงานพบผู้ป่วยพยาธิใบไม้ตับในประเทศไทย
นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า สาเหตุหลักของโรคมะเร็งท่อน้ำดี เกิดจากค่านิยมกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาวแบบดิบๆหรือสุกๆดิบๆ เช่น ปลาตะเพียน ปลาขาวน้อย ปลาแก้มช้ำ ปลาสร้อย ปลากระสูบ โดยทำเมนูก้อยปลาดิบ พล่าปลาดิบ ปลาส้ม ปลาร้าดิบ หรือปลาร้าหมักไม่ถึง 6 เดือน โดยปลาดิบเหล่านี้จะมีตัวอ่อนพยาธิใบไม้ตับอาศัยอยู่ที่เนื้อปลาและเกล็ดใต้ครีบปลา เมื่อคนกินอาหารที่ปรุงจากปลาดิบเข้าไปจะได้รับตัวอ่อนพยาธิระยะติดต่อเข้าไป เมื่อถึงลำไส้เล็ก ตัวอ่อนพยาธิจะไชออกจากถุงหุ้มตัว เดินทางไปตามทางเดินน้ำดี ถึงท่อน้ำดีส่วนปลายที่อยู่ในตับเจริญเป็นตัวเต็มวัย และวางไข่พยาธิขับออกมากับน้ำดีและปนอุจจาระออกมา ผู้ที่เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ หากไม่ถ่ายอุจจาระลงส้วม จะแพร่ไข่พยาธิลงไปในดินและน้ำ และเข้าไปอยู่ในเนื้อหรือที่เกล็ดของปลาน้ำจืดเป็นวงจรต่อเนื่อง
“วิธีการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ ที่สำคัญที่สุดและได้ผลดีที่สุด คือการกินปลาที่ปรุงสุก 100 เปอร์เซนต์ด้วยความร้อน และถ่ายอุจจาระลงส้วม หลีกเลี่ยงการถ่ายลงน้ำ หรือไปทุ่ง หากจำเป็นให้ขุดหลุมฝังกลบ หรือส้วมมือถือ แล้วฝังในดินเมื่อเสร็จกิจ ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือแอลกกฮอล์เจลเมื่อออกจากห้องน้ำห้องส้วมหลังถ่ายอุจจาระและก่อนรับประทานอาหาร ล้างผักสดให้สะอาด ควรตรวจหาไข่หนอนพยาธิในอุจจาระอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากตรวจพบหนอนพยาธิต้องกินยารักษาทุกครั้งให้หายขาด และจะต้องไม่กินดิบซ้ำอีก โดยกระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าลดอัตราป่วยจากพยาธิใบไม้ตับ ในประชาชนที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือให้เหลือไม่เกิน ร้อยละ 5 และลดอัตราตายจากมะเร็งท่อน้ำดีให้เหลือไม่เกิน 20 ต่อแสนประชากร ภายในปี 2564” นายแพทย์ ชลน่าน กล่าว
ทางด้านนายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดที่พบผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีอันอับต้นๆของประเทศ ในปี พ.ศ.2554 พบผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดี 1,087 ราย และในปี พ.ศ.2555 พบผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับ จำนวน 773 ราย ซึ่งคุณไมค์ ภิรมย์พร นักร้องชื่อดัง ก็เคยมีประสบการณ์ตรงเรื่องนี้ เนื่องจากมีคนในครอบครัวเสียชีวิตจากมะเร็งท่อน้ำดีอันเนื่องจากการเป็นพยาธิใบไม้ตับ และได้อาสาร่วมรณรงค์กับกระทรวงสาธารณสุข รณรงค์อีกครั้งให้คนไทยเลิกกินปลาดิบหรือสุขถ้วนหน้า กินปลาสุก ลดมะเร็งท่อน้ำดี
******************************************* 29 เมษายน 2556