รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงห่วงใยชาวน่าน หลังพบจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดีในปี 2555 ในอัตรา 49 ต่อแสนประชากร ส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป พบมากที่สุดที่ อ.เวียงสา อ.บ้านหลวง อ.ปัว และอ.นาน้อย สาเหตุหลักเกิดจากการกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาวไม่สุก กระทรวงสาธารณสุขเร่งสนองพระราชดำริ จัดโครงการรณรงค์ลดป่วยตาย โดยตรวจอุจจาระหาไข่พยาธิใบไม้ตับในกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไปทั้งจังหวัด หากพบให้การรักษาฟรีทันที พร้อมเปลี่ยนค่านิยมกินปลาสุก ถ่ายอุจจาระลงส้วม     

          เช้าวันนี้ (22 เมษายน 2556) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาน่าน จ.น่าน นายแพทย์ชลน่าน  ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดมหกรรมรณรงค์ “กำจัดโรคพยาธิใบไม้ตับเพื่อลดมะเร็งท่อน้ำดี ปี 2556” ภายใต้คำขวัญ “สุขถ้วนหน้า กินปลาสุก” จัดโดยกรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน เพื่อให้ประชาชนกินปลาสุก ลดปัญหาการป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งท่อน้ำดี 

          นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า จากการที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเยี่ยมประชาชนในโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พอ.สว.ที่ อ.บ้านหลวง จ.น่าน ทรงห่วงใยปัญหาสุขภาพของประชาชน เนื่องจากพบว่าประชาชนจังหวัดน่านป่วยเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีกันมาก ในพ.ศ. 2555 จังหวัดน่าน  มีรายงานพบผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี จำนวน 32 ราย พบมากที่สุดที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เวียงสา อ.บ้านหลวง  อ.ปัว และอ.นาน้อย และมีจำนวนการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว จากในปี 2554 จำนวนผู้เสียชีวิตต่อแสนประชากรเท่ากับ 35  ในปี 2555 อัตราเพิ่มเป็น 49 ต่อแสนประชากร ทรงมีพระราชดำริให้มีโครงการศึกษาวิจัยและบำบัดโรคมะเร็งเซลล์ตับและท่อทางเดินน้ำดีใน จ.น่าน ระหว่างสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน มูลนิธิจุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อหาสาเหตุความเสี่ยงการเกิดโรค ค้นหาผู้ป่วยที่เริ่มเป็นในระยะแรกเพื่อให้การรักษาอย่างทันท่วงที  ลดการเสียชีวิตประชาชน

         นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่กระทรวงสาธารณสุขและประชาชนไทยอย่างหาที่สุดมิได้ กระทรวงสาธารณสุขได้น้อมรับใส่เกล้าและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในพื้นที่โดยเร็ว   โดยจัดโครงการศึกษาวิจัยและบำบัดโรคมะเร็งเซลล์ตับและท่อทางเดินน้ำดี ต่อเนื่อง 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554-2559 ที่อำเภอบ้านหลวง จ.น่าน และจัดกิจกรรมหลักจะรณรงค์ตรวจหาไข่พยาธิใบไม้ตับในอุจจาระในประชาชนกลุ่มเสี่ยงอายุระหว่าง 30-60 ปีทั้งชายหญิงพร้อมกันทั้งจังหวัดที่มีประมาณ 200,000  คน ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลทั่วไปในจังหวัดน่าน ส่วนการดำเนินงานตามโครงการที่อำเภอบ้านหลวงนั้น ได้รับความร่วมมือจากคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมดำเนินการด้วย หากผลการตรวจพบมีไข่พยาธิ จะให้กินยาฆ่าไข่พยาธิทันที  และตรวจเลือด เพื่อคัดกรองดูการทำงานของเซลล์ตับในเบื้องต้น หากพบว่าผิดปกติ จะส่งตัวทำการตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ที่ตับ และให้การรักษาฟรีทันที่โรงพยาบาลน่าน หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง จะส่งตัวไปรักษาต่อที่ศูนย์เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ผลการรณรงค์ในปี 2554-2555 ตรวจพบผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะเริ่มเป็นโดยผู้ป่วยไม่รู้ตัวและได้รับรักษาทัน รอดชีวิตจำนวน 26 ราย และพบผู้ป่วยในระยะสุดท้ายเสียชีวิต 5 ราย

         สำหรับสาเหตุหลักของโรคมะเร็งท่อน้ำดี  เกิดจากค่านิยมกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาว เช่นปลาตะเพียน ปลาซิวที่ปรุงไม่สุก เช่นก้อยปลาดิบ ปลาร้าดิบ ปลาส้ม ปลาฟัก หรือกินสุกๆดิบๆ ซึ่งปลาเหล่านี้จะมีตัวพยาธิอ่อนของพยาธิใบไม้ตับอยู่ที่เนื้อปลาและเกล็ดปลา เมื่อคนกินเข้าไปตัวอ่อนพยาธิจะไชไปที่ลำไส้เล็กและเข้าสู่ท่อน้ำดีส่วนปลายที่อยู่ในตับ จากนั้นตัวพยาธิจะโตขึ้นและวางไข่ขับออกมากับน้ำดีและปนอุจจาระออกมา คนที่มีพยาธิชนิดนี้จะแพร่เชื้อได้นานถึง 30 ปีผู้ที่เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัว ดังนั้นวิธีที่จะรู้ได้ง่ายตั้งแต่เนิ่นๆ ที่สุดคือการตรวจอุจจาระทางห้องปฏิบัติการ โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับที่มักพบในไทย คือเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ปวดจุดเสียดในท้อง และรู้สึกแน่นท้องที่ใต้ชายโครงขวา อาการมักเกิดขึ้นตอนบ่ายๆ นานประมาณ 1-3 ชั่วโมง อาการออกร้อนที่ผิวหนังหน้าท้องด้านขวาหรือที่หลัง หากมีอาการเหล่านี้ขอให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโดยเร็ว 

          นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ในการป้องกันพยาธิใบไม้ตับประชาชนต้องรับประทานอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อนให้ทั่วถึง ล้างมือ ล้างผักให้สะอาด ถ่ายอุจจาระลงส้วม และควรตรวจหาไข่พยาธิในอุจจาระอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยกระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าลดผู้ป่วยจากพยาธิใบไม้ตับหรือความชุกของพยาธิใบไม้ตับในประชากรที่อยู่ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เหลือไม่เกินร้อยละ 5 และลดอัตราตายจากมะเร็งท่อน้ำดีให้เหลือไม่เกิน 20 ต่อประชากรแสนคนภายในปี 2564 


************************* 22 เมษายน 2556 



   
   


View 19    22/04/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ