“สมศักดิ์” ยกระดับหมอนวดไทยเชี่ยวชาญพิเศษ 7 กลุ่มอาการ เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย หนุนเศรษฐกิจสุขภาพ
- สำนักสารนิเทศ
- 438 View
- อ่านต่อ
นายแพทย์สุพรรณกล่าวว่า กลุ่มลูกจ้างที่มาในวันนี้มี 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มลูกจ้างประจำที่ปฏิบัติงานก่อน พ.ศ.2551และลาไปศึกษาต่อ และ 2.กลุ่มนักวิชาการสาธารณสุข ที่จบการศึกษาจากสถาบันศึกษาอื่นที่ไม่ใช่สถาบันบรมราชชนกและสถาบันสมทบของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อต้องการสิทธิให้บรรจุเป็นข้าราชการเช่นกัน ประมาณ 7,000 คน สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหานี้ ได้มีข้อตกลงว่าให้จัดตั้งกลุ่มตัวแทนเข้าหารือร่วมกันเป็นระยะๆ และให้เครือข่ายบริการ 12 เขต เร่งสำรวจจำนวนลูกจ้าง 2 กลุ่มนี้ ส่งให้กระทรวงสาธารณสุขภายใน 3 เดือน เพื่อเป็นข้อมูลในการเจรจากับ กพ. โดยจะขอยกเว้นการสอบแข่งขันให้เป็นวิธีการคัดเลือกแทนได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ปฏิบัติงานในสถานบริการกระทรวงสาธารณสุขเช่นกันเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาบรรจุได้ทัน ในปีงบประมาณ 2557-2558 หากไม่ได้ก็จะเข้าสู่เงื่อนไขของการเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเป็นการเยียวยาที่ได้รับสิทธิไม่แตกต่างกัน
สำหรับการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวสายวิชาชีพที่ได้รับการจัดสรร 7,547 ตำแหน่ง ในปีงบประมาณ 2556 ขณะนี้ได้ตรวจสอบคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์และบรรจุได้ 6,558 ตำแหน่ง ภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2556 และจะออกคำสั่งการบรรจุแต่งตั้ง ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2556 เป็นต้นไป ส่วนที่เหลืออีก 920 ตำแหน่งซึ่งมีพนักงานราชการรวมอยู่ด้วย อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติ คาดว่าจะบรรจุแล้วเสร็จภายใน 30 กันยายน 2556 แน่นอน ส่วนลูกจ้างชั่วคราวสายวิชาชีพ ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุ และลูกจ้างชั่วคราวสายสนับสนุน จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขต่อไป
นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2556 ที่ผ่านมาได้รับแจ้งผลการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างไม่เป็นทางการว่า การออกระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างถึงมติคณะรัฐมนตรี เป็นการจ้างงานรูปแบบใหม่ได้ หากได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนามในร่างระเบียบเพื่อประกาศใช้ทันที จะมีผลให้ลูกจ้างชั่วคราวของกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมดประมาณ 130,000 คน ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข มีสิทธิคล้ายกับข้าราชการ ทั้งเรื่องสวัสดิการรักษาพยาบาล การกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน การศึกษาต่อ การย้าย เป็นต้น มีความมั่นคง ในการทำงาน และจะแก้ไขระเบียบเงินบำรุงของโรงพยาบาล ให้สามารถนำมาจ่ายเป็นเงินเดือนของพนักงานกระทรวงสาธารณสุขตามอัตราที่กำหนด และจ่ายเป็นค่าสมทบเงินกองทุนเลี้ยงชีพพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะต้องจดทะเบียนกองทุนฯ ต่อกระทรวงการคลังภายใน 1 ปี โดยพนักงานที่เป็นสายวิชาชีพจะได้รับเงินเดือนมากกว่าข้าราชการพลเรือนในระดับเดียวกัน 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพนักงานราชการสายสนับสนุนจะได้รับเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาแตกต่างกันไป จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมั่นใจในการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข
******************** 1 กุมภาพันธ์ 2556