ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเผยพบผู้ป่วยโรคคอตีบแล้วเกือบ 80 ราย เสียชีวิต 4 ราย สั่งนายแพทย์สาธารณสุข 15 จังหวัด ตั้งวอร์รูมควบคุมการระบาดของโรคคอตีบอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะจังหวัดเลยที่พบผู้ป่วยสูงถึง 66 ราย และเร่งจัดทำแนวทางการวินิจฉัย การรักษาโรคให้แพทย์ พยาบาล พร้อมส่งอสม.เคาะประตูบ้านติดตามเฝ้าระวังผู้ป่วยในหมู่บ้านสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แนะนำประชาชนป้องกันตนเอง หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลังจากสัมผัสสิ่งของ และใช้ผ้าปิดจมูกและปากเวลาไอ หรือจาม

          นายแพทย์รณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของโรคคอตีบว่า จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยาตั้งแต่ 1 มกราคม – 14 ตุลาคม 2555 พบผู้ป่วยโรคคอตีบ 79 รายใน 15 จังหวัด เป็นเด็กอายุ 10 – 14 ปีมากถึงร้อยละ 24 และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ตั้งวอร์รูม ที่ส่วนกลาง เพื่อติดตามประเมินความคืบหน้าสถานการณ์และมาตรการควบคุมป้องกันโรค ประชุมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

          ในการควบคุมการระบาดของโรคคอตีบขณะนี้ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น ใน 15 จังหวัด แบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้ 1.จังหวัดที่ต้องดำเนินการขั้นสูงสุด ได้แก่ จังหวัดเลย เนื่องจากที่พบผู้ป่วยมากถึง 66 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย 2.จังหวัดอื่นๆที่พบผู้ป่วยยืนยันว่าติดเชื้อ ได้แก่ เพชรบูรณ์ หนองบัวลำภู อุดรธานี และสุราษฎร์ธานี 3.จังหวัดที่พบผู้สงสัยว่าจะติดเชื้อ ได้แก่ พิษณุโลก สกลนคร และ 4. จังหวัดที่ติดกับพื้นที่ที่มีผู้ป่วยหรือผู้สงสัย ได้แก่ ชัยภูมิ ขอนแก่น หนองคาย เชียงราย พิจิตร อุตรดิตถ์ บึงกาฬ และน่าน นอกจากนี้ ได้จัดทำแนวทางการตรวจวินิจฉัย การรักษาให้แก่แพทย์ พยาบาล ตลอดจนการส่งต่อผู้ป่วย และทบทวนเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ เพื่อเป็นแนวทางการทำงานให้กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาล รวมถึงได้จัดหาวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันส่งให้แต่ละจังหวัดแล้ว โรคนี้หากได้รับการตรวจรักษาอย่างรวดเร็วจะไม่เสียชีวิต

          ทั้งนี้ ได้ให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั้ง 15 จังหวัด ดำเนินการตาม 6 มาตรการ ดังนี้ 1.ให้ตั้งวอร์รูมเพื่อควบคุมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้สั่งการ วิเคราะห์สถานการณ์ กำกับ ติดตามผลการดำเนินการในพื้นที่ที่เฝ้าระวัง และให้ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และรายงานผลที่กรมควบคุมโรคทุกสัปดาห์ 2.จัดระบบเฝ้าระวังเชิงรุกเกี่ยวกับอาการไข้ เจ็บคอ ฝ้าสีเทาในคอ โดยให้ อสม.เคาะประตูบ้านถามอาการสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และรายงานผู้ป่วยที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หากพบผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัย ให้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงสอบสวนโรคทันที และติดตามผู้ป่วยกินยาให้ครบตามกำหนด 3.เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบเสริมภูมิคุ้มกันแก่ประชาชนทุกคนในอำเภอที่เฝ้าระวังให้ครบภายใน 2 สัปดาห์ โดยไม่เน้นประวัติการรับวัคซีน และเก็บตกในเด็กตามการให้วัคซีนระบบปกติ 4.ให้จัดอบรมทบทวนความรู้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเรื่องโรคคอตีบ เกี่ยวกับการวินิจฉัย การรักษา และการส่งต่อผู้ป่วยตามแนวทางที่กำหนด 5.เร่งให้ความรู้การป้องกันโรคคอตีบแก่ อสม. ประชาชน กลุ่มเสี่ยงต่างๆ เช่น ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน

     6.ให้แต่ละจังหวัดจัดระบบเฝ้าระวัง เตรียมพร้อมรับมือกับเทศกาลหรือกิจกรรมที่มีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก เช่น เทศกาลออกพรรษา เทศกาลลอยกระทง หรือเทศกาลปีใหม่ โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดสื่อเผยแพร่ให้กับนักท่องเที่ยว ในเรื่องการป้องกันโรคและอาการเบื้องต้นที่ต้องรีบพบแพทย์

          ทั้งนี้ ขอให้ทุกจังหวัดนอกจาก 15 จังหวัดที่กล่าวมา ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังผู้ป่วยที่ต้องสงสัย เพื่อให้การวินิจฉัยควบคุมได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการให้วัคซีนในเด็กตามเกณฑ์ที่กรมควบคุมโรคกำหนดให้ครบถ้วน สำหรับมาตรการการป้องกันโรคในประชาชน แนะนำให้เวลาไอหรือจาม ควรมีผ้าปิดจมูกและปาก หมั่นล้างมือบ่อย ๆ เวลาไปสัมผัสสิ่งของทั่วไป     

*****************  28 ตุลาคม 2555

 



   
   


View 10    28/10/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ