นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยการเตรียมความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการเข้าสู่สังคมอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้าว่า ขณะนี้ปัญหาสำคัญที่สุดคือเรื่องกำลังคนด้านการแพทย์และสาธารณสุขในระบบริการสุขภาพ ซึ่งงานที่ไทยทำแล้วและดำเนินการได้ดี คือด้านการควบคุม การเฝ้าระวังโรค ไทยมีความร่วมมือระดับอาเซียนและนานาชาติ รวมทั้งการคุ้มครองผู้บริโภคด้านอาหารและยา มีการปรับมาตรฐานการขึ้นทะเบียนยา เช่นยาสมุนไพร อาหาร ให้สู่ระดับอาเซียนมีความคืบหน้าไปมาก แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่น่าห่วงที่สุด คือบุคลากรการแพทย์สาขาหลัก คือแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล ซึ่งเป็นบุคลากรระดับทักษะฝีมือ ที่อาจจะมีการเคลื่อนย้าย จะต้องมีความร่วมมือกัน ซึ่งไทยต้องเตรียม 2 ด้านคือการทำแผนรับมือการเดินทางของบุคลากรวิชาชีพจากต่างประเทศเข้ามาไทย และการเตรียมบุคลากรของไทยเพื่อเดินทางไปทำงานต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุขจะเชิญหน่วยงานผลิตทั้งหมด ทั้งสภาวิชาชีพ ทบวงมหาวิทยาลัย และภาคเอกชนให้มาร่วมผลิต ซึ่งขณะนี้ภาคเอชนบางประเทศผลิตพยาบาลจำนวนมากไปแล้ว นอกจากจะดำเนินการด้านปริมาณแล้วยังต้องคำนึงถึงคุณภาพการผลิตด้วย    

นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือการเปิดประเทศกับอาเซียน ได้แก่ การควบคุมป้องกันติดต่อและโรคไม่ติดต่อ ที่มีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้องทั้งอาหาร บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ของอาเซียน และยกระดับถึงระดับโลกเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะบรรจุเรื่องระบบการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในระดับโลก เป็นพันธะสัญญาของผู้นำทางนโยบายด้วย การจัดระบบการเฝ้าระวังสินค้าที่เป็นอันตรายหรือไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากเป็นเขตการค้าเสรี จะมีสินค้าเข้ามาในประเทศจำนวนมาก การจัดระบบการสร้างมาตรฐานอาหารปลอดภัยของอาเซียน เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนไทย การเฝ้าระวังสารเสพติดตัวใหม่ๆ ที่อาจเข้าในประเทศ ระบบการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมและสาธารณภัยต่างๆ ที่จะตามมาเมื่อมีการเปิดประเทศ ซึ่งจะต้องหารือกับกรมการป้องกันสาธารณภัย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน  ในด้านการแพทย์ ทั้งภัยพิบัติเชื้อโรค สารเคมี ให้มีมาตรฐานระดับประเทศ ซึ่งคาดว่าไทยจะเป็นผู้นำในด้านนี้ได้ 
******************************* 16 มิถุนายน 2555


   
   


View 11    16/06/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ