ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ย้ำเตือนประชาชน 3 กลุ่มระวังป่วยจากโรคภัยหนาว ได้แก่ กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี กลุ่มผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แนะให้เลี่ยงสิ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง อาทิ ดื่มเหล้า นอนในที่ลมโกรก ผิงไฟในเต้นท์ ขอให้ดื่มน้ำบ่อยๆเพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยหนาวปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำแนะนำการป้องกันโรคภัยหนาวที่พบได้บ่อย 6 โรค ได้แก่ โรคไข้หวัด / ไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคหัดเยอรมัน โรคสุกใส และอุจจาระร่วงในเด็ก รวมถึงโรคที่เกิดจากสภาพอากาศแห้ง เช่น โรคผิวหนัง และการเสียชีวิตของผู้สูงอายุจากภัยหนาว โดยเน้นให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดโดยจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะมีสภาพอากาศหนาวเย็นกว่าภาคอื่น ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรค โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยง่าย 3 กลุ่ม จะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากภูมิต้านทานต่ำกว่ากลุ่มอื่น ได้แก่ 1. เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 2. ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และ3.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับแข็ง โรคไต และโรคโลหิตจาง กลุ่มเหล่านี้เมื่อป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าประชาชนทั่วไป
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันภัยหนาว ขอให้ประชาชนสวมเสื้อผ้า เครื่องกันหนาวเพื่อให้ความอบอุ่นร่างกาย โดยเฉพาะที่ส่วนอก จะต้องให้ความอบอุ่นเพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ขอให้ดื่มน้ำบ่อยๆโดยเฉพาะน้ำอุ่นอย่างน้อยวันละ 1 ลิตร ซึ่งน้ำจะช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นไม่แตกง่าย หากมีโลชั่นหรือน้ำมันมะพร้าวก็สามารถชโลมผิวป้องกันผิวแตกได้
สิ่งที่ควรหลีกลี่ยง ที่จะทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่ การดื่มสุรา นอกจากไม่ช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายแล้ว ยังทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพหนาวเย็นได้ ไม่ควรผิงไฟในเต้นท์ เนื่องจากจะทำให้ร่างกายได้รับก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้เข้าสู่ร่างกาย ไม่ควรนอนในที่โล่งลมโกรก โดยไม่มีเครื่องป้องกันหนาว ไม่นำเด็กเล็กเข้าไปใกล้บริเวณที่ก่อไฟ เพราะควันไฟจะระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เป็นหวัดง่าย ไม่ควรอยู่ในสถานที่ที่มีคนแออัด และไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องใส่ใจในการป้องกัน อื่นๆ เช่น ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย นายแพทย์ไพจิตร์กล่าว
***************** 17 ธันวาคม 2554
View 11
17/12/2554
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ