สาธารณสุข ส่งทีมแพทย์ฉุกเฉินดูแลผู้บาดเจ็บ 3 รายจากเหตุโรงงานไอศกรีมที่ซอยเรวดี 22 จ.นนทบุรี ไฟไหม้และระเบิดเมื่อเช้าวันนี้ มี 1 ราย บาดเจ็บสาหัส ถูกไฟไหม้ทั้งตัว อยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า    และส่งทีมผู้เชี่ยวชาญจากสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค  ประเมินผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหลจากเหตุการณ์ เบื้องต้นพบสารเคมี 2 ชนิด  ระบุมีอันตรายน้อยกับประชาชนใกล้เคียง 

           จากเหตุโรงงานผลิตไอศกรีม ในซอยเรวดี 22 อ.เมือง จ.นนทบุรี ไฟไหม้และระเบิดเมื่อเช้าวันนี้ (12 กรกฎาคม 2554)ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งหน่วยแพทย์กู้ชีพฉุกเฉินจากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ไปดูแลรักษาผู้บาดเจ็บที่จุดเกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 3 ราย เป็นชายทั้งหมด ส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โดยมีอาการสาหัส 1 ราย   มีแผลไฟไหม้ทั้งตัว อยู่ในไอซียู แพทย์เตรียมนำเข้าห้องผ่าตัดเพื่อล้างแผลไฟไหม้ เพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างเต็มที่   อีก 2 ราย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย    ทำแผลและกลับบ้านแล้ว 1 ราย   อีก 1 รายถูกไฟไหม้ที่แขนและใบหน้า ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ แพทย์ได้ล้างทำความสะอาดบาดแผลและให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการประมาณ 1-2 วัน นอกจากนี้ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญจากสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรคประมาณ 5 คน  ลงไปร่วมประเมินสถานการณ์และผลกระทบจากสารเคมีที่อยู่ในโรงงาน   เบื้องต้นนี้แนะนำให้กันเขตควบคุมอันตราย เพื่อความปลอดภัยของประชาชน  

ทางด้านนายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย  รองอธิบดีกรมควบคุมโรค  กล่าวว่า เหตุเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ในเบื้องต้นพบสารเคมี 2 ชนิด อยู่ในกลุ่มของสารออร์แกนิก  เปอร์ออกไซค์      (Organic peroxide) ซึ่งเป็นสารที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ ได้แก่ สารเทรท-เอมิล เปอร์ออกซี่ -2 เอทธิล เฮกซะโนเอท ( tert-amyl peroxy -2 ethyl hexanoateและสาร  1,1,3,3 เตตระ เมทิล บิวทิล เปอร์ออกซี่ นีโอ เดคคะโนเอท (1,1,3,3 Tetramethyl  butyl peroxy neodecanoate)  สารทั้ง 2 ชนิดนี้ มีความรุนแรงน้อย  โดยมีโอกาสระเบิด เนื่องจากความร้อน อาจเกิดการติดไฟอย่างต่อเนื่องเมื่อสัมผัสกับอากาศ   หากสารเกิดการลุกไหม้ จะก่อให้เกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง หรือเป็นพิษ หากถูกผิวหนังหรือตาจำนวนมาก อาจทำให้บาดเจ็บอย่างรุนแรงหรือเป็นแผลไหม้ได้   แต่หากไม่ได้สัมผัสโดยตรงและปริมาณไม่มาก อาจมีผลแค่การระคายเคืองเล็กน้อย ความเป็นพิษไม่รุนแรง ฉะนั้นผู้ที่เสี่ยงสัมผัสสารดังกล่าว ได้แก่ ผู้ที่ทำการดับไฟ  หรือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ อยู่ใกล้ชิดกับจุดเกิดเหตุ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ   อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงานที่ไฟไหม้ครั้งนี้ หากเกิดอาการระคายเคืองตา ผิวหนัง หรือบริเวณอื่นๆ ขอให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาด     และไปพบแพทย์ ส่วนเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือที่เป็นโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่นหอบหืด ภูมิแพ้ หากมีอาการผิดปกติเช่นหายใจขัด แน่นหน้าอก ให้ไปพบแพทย์ และขอให้ติดตามข่าวและคำแนะนำการปฏิบัติตัวจากทางราชการ นอกจากนี้ควรต้องระวังน้ำที่ใช้ดับไฟ ไม่ให้ไหลปนเปื้อนแหล่งน้ำธรรมชาติ

ทางด้านนายแพทย์สมพงษ์ บุญสืบชาติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีกล่าวว่า  ขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ได้จัดเขตความปลอดภัยอพยพชาวบ้านประมาณ 30 -40 หลังคาเรือนออกจากพื้นที่ ในรัศมี 100 เมตรจากจุดเกิดเหตุ และจัดหน่วยปฐมพยาบาลพร้อมรถพยาบาลฉุกเฉิน 1 คัน เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนอย่างเต็มที่ จะให้บริการจนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขนย้ายสารเคมีที่เหลืออีกประมาณ 8,000 ลิตรออกนอกพื้นที่      

***********      12 กรกฎาคม 2554

 


   
   


View 12    12/07/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ