ให้ผู้ที่จำเป็นจะต้องเดินทางเข้าไปพื้นที่เสี่ยงของญี่ปุ่นเท่านั้น เพื่อป้องกันรังสีทำลายต่อมไทรอยด์ ชี้การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ ระบุผู้ที่เดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้ว และประชาชนทั่วไปไม่จำเป็นต้องกิน

          วันนี้ (17 มีนาคม 2554) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติกรณีญี่ปุ่นด้านการแพทย์และสาธารณสุข และคณะ ตรวจเยี่ยมด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศและคลังสินค้า ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ

          นายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ ว่า ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดให้เคาน์เตอร์ให้คำแนะนำและบริการ ทั้งขาเข้าและขาออก โดยในส่วนขาออกจะดูแลคนไทยที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการให้บริการไอโอดีนเม็ดฟรี เฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปทางตอนเหนือของกรุงโตเกียวที่เป็นพื้นที่เสี่ยง หรือในพื้นที่ที่ประเทศญี่ปุ่นประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยง ไอโอดีนเม็ดที่แจกครั้งนี้ บรรจุขวด ขวดละ 10 เม็ด มี 2 ขนาด คือ 130 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่กับขนาด 65 มิลลิกรัมสำหรับเด็ก ให้รับประทานเฉพาะเมื่อต้องเดินทางเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเท่านั้น เมื่อออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้วไม่มีความจำเป็นต้องรับประทาน โดยแพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมในการแจก เนื่องจากไอโอดีนที่แจกเป็นไอโอดีนที่มีความเข้มข้นมากกว่าไอโอดีนที่แจกให้หญิงตั้งครรภ์ถึง 1,000 เท่า ดังนั้นไม่สามารถกินล่วงหน้าเพื่อการป้องกัน และอาจส่งผลข้างเคียงได้
                      
 
ส่วนบริการประชาชนไทยในส่วนขาเข้าเมื่อเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว จะมีเคาน์เตอร์บริการให้คำปรึกษาพร้อมกับมีการแจกเอกสารคำแนะนำและแบบประเมินตนเองบนเครื่องบินสำหรับเที่ยวบินที่เข้าประเทศไทย และมีผู้โดยสารคนไทยอยู่ด้วย เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีเคาน์เตอร์ให้บริการ หากมีผู้โดยสารที่ประเมินตนเองแล้วไม่มั่นใจว่าได้รับรังสีมาหรือไม่ สามารถขอใช้บริการที่เคาเตอร์ขาเข้าของกระทรวงสาธารณสุขได้ จะมีบริการให้คำปรึกษาแนะนำ และหากตรวจพบว่าเป็นผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยง ก็จะนำไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลราชวิถีหรือโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
 
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ยาเม็ดไอโอดีนนั้น จะช่วยในการป้องกันรังสีที่จะเข้าไปทำลายต่อมไทรอยด์ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมสมองและการเจริญเติบโตของร่างกาย สำหรับบุคคลที่ห้ามกินยาเม็ดไอโอดีน มีทั้งหมด 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่แพ้ไอโอดีน 2.กลุ่มที่ผิวหนังอักเสบอย่างรุนแรง 3.กลุ่มที่เป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ และ4.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร เพราะหากได้รับไอโอดีนในปริมาณที่มากเกินโดยไม่จำเป็นจะเกิดผลข้างเคียง เช่น เกิดอาการแพ้ คลื่นไส้ อาเจียน เป็นภูมิแพ้ เกิดผื่นลมพิษ ต่อมน้ำเหลืองโต แก้มคางบวม เป็นต้น
  
  
 อย่างไรก็ตามข้อมูลเพิ่มเติมว่าคืนวานนี้ (16 มีนาคม 2554) ได้สุ่มตรวจสายการบินไทยที่กลับมาจากญี่ปุ่นจำนวน 2 เที่ยวบิน ผลการสุ่มตรวจไม่พบว่าผู้โดยสารมีปริมาณรังสี และตั้งแต่เวลา 24.00 น. วานนี้ถึง 06.00 น.วันนี้ มีเที่ยวบินที่เดินทางกลับจากญี่ปุ่น 9 เที่ยวบิน มีคนไทยทั้งหมด 550 คน ปรากฏว่ามีผู้มาปรึกษาที่เคาน์เตอร์ กระทรวงสาธารณสุข 10 คน ไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด                        
“เป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขที่จะดูแลคนไทย ทั้งนี้ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะดำเนินการเท่าที่จำเป็น ไม่ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก และญี่ปุ่นจะได้เกิดความสบายใจ เพราะว่าเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกัน และต้องขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” นายจุรินทร์กล่าว
ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการจัดบริการประชาชนที่สนามบินทั้งขาเข้าขาออก ได้จัดเจ้าหน้าที่บริการตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์การปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีกับกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด พื้นที่ส่วนใหญ่ยังมีความปลอดภัย ยกเว้นในรัศมี 30 กิโลเมตรรอบโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ขอให้ประชาชนไทยอย่าตื่นตระหนก โดยในส่วนของทีมแพทย์ไทยซึ่งขณะนี้ปฏิบัติงานอยู่ที่วัดปากน้ำ จังหวัดชิบะ ได้ตรวจสุขภาพคนไทย 6 คนที่อยู่เมืองเซนได จังหวัดมิยางิ ในรัศมี 30 กิโลเมตรจากโรงงานไฟฟ้าดังกล่าว ไม่พบความผิดปกติจากรังสีแต่อย่างใด และผลกระทบจากรังสีที่จะปนเปื้อนในอากาศสิ่งแวดล้อมขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ ดังนั้นประชาชนยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องกินยาเม็ดไอโอดีน   
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข มีข้อแนะนำคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น หากกังวลว่าอาจถูกปนเปื้อนด้วยสารกัมมันตรังสี เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วขอให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และอาบน้ำ สระผม ชำระร่างกายให้สะอาด เพื่อลดปริมาณสารกัมมันตรังสีที่อาจปนเปื้อนตามร่างกาย รวมทั้งสังเกตตนเองหากเกิดอาการผิดปกติ เช่น มีผื่นแดงตามผิวหนัง หรือคลื่นไส้อาเจียน ขอให้ไปรับการปรึกษากับแพทย์หรือหน่วยงานสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน
**************************** 17 มีนาคม 2554


   
   


View 11    17/03/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ