และส่งตัวกลับเวียดนามได้ภายในสัปดาห์หน้า พร้อมกันนี้แพทยสภาจะพิจารณาด้านจริยธรรมแพทย์ผู้ทำการผสมเทียม ในวันที่ 10 มีนาคม 2554 นี้

วันนี้ (28กุมภาพันธ์ 2554) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ผลการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ด้วยวิธีอุ้มบุญว่า วันนี้ได้หารือเพิ่มเติมจากสัปดาห์ที่ผ่านมากับผู้แทนจาก 11หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ผู้แทนกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขซึ่งรับผิดชอบดูแลสถานพยาบาล แพทยสภา  โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประธานราชวิทยาลัยสูติ-นรีแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักตรวจคนเข้าเมืองรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)มูลนิธิพิทักษ์สตรีสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ ผู้แทนสถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทย และผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ
นายจุรินทร์กล่าวว่า ข้อสรุปในวันนี้ คือ หญิงชาวเวียดนามทั้งหมด 15 คน  แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กำลังตั้งครรภ์มี 7 คน  2.เพิ่งคลอดบุตรมี 2 คน และ3.ส่วนที่เหลืออีก 6 คนยังไม่ได้ตั้งครรภ์  นอกจากนี้มี 1 คนที่พาสปอร์ตหมดอายุ ซึ่งทางสถานทูตจะดำเนินการต่อไป และอีก 1 คนวีซ่าหมดอายุ สำนักตรวจคนเข้าเมืองจะผ่อนผันค่าปรับให้
การดำเนินการใน 3 กลุ่มบุคคลจะเป็นดังนี้ 1.กลุ่มบริษัทไต้หวัน ที่เป็นบริษัทค้ามนุษย์จะต้องดำเนินคดีต่อไปในข้อหาค้ามนุษย์และกักขังหน่วงเหนี่ยวตามกฎหมายอาญาของประเทศไทย โดยความคืบหน้าในวันนี้ได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดคือหญิงชาวเวียดนามที่พักอยู่บ้านเกร็ดตระการ และจะดำเนินการตามกระบวนการต่อไป  2.กลุ่มสถานพยาบาลและแพทย์ผู้ทำการผสมเทียม หรือบุคคลผู้ทำการผสมเทียมที่อาจไม่ใช่แพทย์ กรณีนี้จะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล หากพบว่าผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และพระราชบัญญัติประกอบวิชาชีพเวชกรรม นอกจากนั้นในส่วนของแพทย์ผู้ทำการผสมเทียมและแพทย์ผู้บริหารสถานพยาบาล จะต้องดำเนินการทางด้านจริยธรรมโดยแพทยสภา ซึ่งจะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในที่ประชุมวันที่ 10 มีนาคม 2554
  
ส่วนกลุ่มที่ 3.หญิงเวียดนาม ซึ่งมี 2 รายที่ขอยุติการตั้งครรภ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในวันนี้ได้แจ้งกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าต้องการตั้งครรภ์ต่อ ทั้งนี้สถานทูตเวียดนามจะได้ประสานกับมูลนิธิพิทักษ์สตรี กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงการต่างประเทศเพื่อส่งตัวหญิงชาวเวียดนามทั้ง 15 รายกลับประเทศเวียดนาม โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางนั้นมูลนิธิพิทักษ์สตรีจะเป็นผู้ดูแลอนุเคราะห์ให้  และก่อนการส่งตัวกลับ จะปฏิบัติให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือไทยเวียดนามว่าด้วยการค้ามนุษย์ให้เสร็จสิ้นตามขั้นตอน คาดจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยจะมีการสืบสวนผู้เสียหายหรือหญิงชาวเวียดนามในฐานะพยานล่วงหน้าให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะได้ประสานขอความร่วมมือกับสำนักอัยการสูงสุด หากเป็นไปได้ขอให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จสิ้นแล้ว จะสามารถส่งตัวหญิงชาวเวียดนาม กลับเวียดนามได้ทุกคน  ซึ่งหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ก็จะไปคลอดที่เวียดนาม
.............................      28 กุมภาพันธ์ 2554


   
   


View 9    28/02/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ