รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยจุดยืนของไทยในการทำเอฟทีเอด้านสาธารณสุข ประชาชนต้องไม่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันภาครัฐและเอกชนต้องจับมือกัน ในการทำวิจัยและพัฒนา ให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการเจรจาต่อรองในเวทีเอฟทีเอ นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม “เอฟทีเอ (FTA) กับการสาธารณสุขไทย : ไทยได้หรือเสีย? เมื่อเช้าวันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2550) ที่โรงแรมแกรนด์เมอร์เคียว รัชดาฯ กทม. ว่า เอฟทีเอเป็นกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ในการทำการค้าเสรีกับต่างประเทศ ประเทศไทยไม่สามารถฝืนหรือไม่ยอมรับไม่ได้ แต่ในการเจรจาเอฟทีเอกับต่างประเทศ จุดยืนของไทยจะต้องอยู่ให้ได้ทั้งเรื่องการทำตามกระแสโลก และการพึ่งพาตัวเอง จากประสบการณ์การทำเอฟทีเอที่ผ่านๆมา แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเอฟทีเอเป็นเวทีการต่อรองของผู้ซึ่งมีศักยภาพสูงกว่า มีความละเอียดรอบคอบในการวางแผนที่จะรักษาประโยชน์ของตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อเราต้องทำเอฟทีเอ จะต้องมีการศึกษาข้อมูล เตรียมการตั้งรับให้ดี ประการสำคัญเมื่อมีการลงนามกันแล้ว ต้องไม่ให้ประชาชนผู้ยากจนเดือดร้อนหรือได้รับผลกระทบ นายแพทย์มงคล กล่าวต่อว่า สำหรับด้านอุตสาหกรรมยาของไทย นอกจากผู้ผลิตยาในประเทศจะต้องมีความเข้มแข็ง สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ในตลาดโลกแล้ว ในอนาคตจำเป็นต้องมีการวิจัย ค้นคว้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง แทนการพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพราะหากเราต้องจ่ายค่าสิทธิบัตร ค่าศึกษาค้นคว้าแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตได้ จะไม่เหลืออะไรมาก และการที่เราจะมีสิทธิใช้ยาที่จำเป็นในการรักษาโรคในอนาคตก็จะยากมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล โรคใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก หากเราไม่เตรียมพร้อมหาทางดูแลรักษาด้วยตัวเอง ก็จะต้องจ่ายเงินแพงขึ้นๆ ในที่สุดก็จะไม่สามารถรองรับภาระได้ ทั้งนี้ในการเตรียมการเพื่อการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมยาของไทย ควรมีความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐบาลกับภาคเอกชน โดยภาคเอกชนเป็นฝ่ายให้ทุนสนับสนุนหน่วยงานของรัฐ เช่น มหาวิทยาลัย ซึ่งมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เป็นผู้ทำการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมการรองรับการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ด้วย เพราะหากไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ คนไทยก็จะได้ใช้ยาที่มีคุณภาพในราคาที่ไม่แพง ********************* 16 กุมภาพันธ์ 2550


   
   


View 7    16/02/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ