พร้อมเร่งหน่วยงานติดตามข้อมูลยาสมุนไพรรักษามะเร็งที่คลินิกหมอสมหมาย วันจันทร์ที่ 6 ก.ย.53 นี้
วันนี้ (1 กันยายน 2553) ที่อิมแพคเมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 7 “หอมกรุ่นทั่วไทย หอมไกลทั่วโลก” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 กันยายน 2553 โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับภาคีเครือข่าย 13 หน่วยงาน
นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการนำสมุนไพรและสนับสนุนการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก มาใช้ในระบบการดูแลสุขภาพ ซึ่งหากนำสมุนไพรไทยมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ให้มีการใช้มากขึ้นและเผยแพร่ไปทั่วโลก ไทยจะสามารถเดินหน้าไปสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพในภูมิภาคได้ ตามนโยบายเมดิคอลฮับ (Medical Hub)
สำหรับสมุนไพรไทยขณะนี้ สนับสนุนให้ผลิตเป็นอาหารเสริมสุขภาพ และนำมาใช้เป็นยาควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบัน โดยมียาจากสมุนไพรไทย 19 รายการที่ใช้ในการรักษาประชาชนที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 48 ล้านคน และขณะนี้ได้เสนอให้กรมบัญชีกลางพิจารณาเพิ่มเติมอีก 644 รายการ เพื่อให้มีการใช้ยาสมุนไพรไทยควบคู่ไปกับยาแผนปัจจุบันกว้างขวางมากขึ้น และสปสช.ได้สนับสนุนงบประมาณด้านการแพทย์แผนไทย เพิ่มจากหัวละ 2 บาทเป็นหัวละ 6 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งจะเริ่มในปี 2554 เป็นต้นไป
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ในปี 2553 จะมีการบรรจุแพทย์แผนไทยจำนวน 150 คน ไปประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โดยขณะนี้มีแพทย์แผนไทยจบปริญญาตรีจำนวน 1,000 คน จะมีการทยอยบรรจุต่อไป นอกจากนี้ด้านการแพทย์พื้นบ้าน ซึ่งทั่วประเทศมีแพทย์พื้นบ้านประมาณ 47,000 กว่าคน แต่มีใบประกอบโรคศิลปะเพียง 39 คน จึงมอบนโยบายสนับสนุนให้แพทย์พื้นบ้านมาสอบขึ้นทะเบียนและรับใบประกอบโรคศิลปะ ซึ่งได้รับการรับรองตามกฎหมาย ในปีนี้ตั้งเป้าอย่างน้อย 1,000 คน ในส่วนของการแพทย์ทางเลือก เช่นแพทย์แผนจีน หรือการรักษาด้วยศาสตร์อื่นๆ เช่น ไคโรแพคติก หากมีผลการศึกษารับรองว่าสามารถใช้ในการรักษาการสร้างเสริมสุขภาพได้ กระทรวงสาธารณสุขจะให้การสนับสนุน
นายจุรินทร์ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องยารักษามะเร็งของคลินิกนายแพทย์สมหมายที่สามารถพัฒนายาสมุนไพรมาใช้ควบคู่กับยาแผนปัจจุบันในการรักษามะเร็งว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ยังไม่มีข้อสรุปจากกระทรวง สาธารณสุข แต่ในวันจันทร์ที่ 6 กันยายน 2553นี้ ได้ให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ องค์การเภสัชกรรม มาร่วมให้ข้อมูลในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากต้องดูด้วยความรอบครอบ และมีข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจน และจะแถลงข่าวความคืบหน้าการพัฒนาให้ทราบ หากสมุนไพรใดที่มีผลการวิจัยที่พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นประโยชน์ จะให้การสนับสนุนแน่นอน ส่วนขั้นตอนกระบวนการให้เป็นไปตามกฎหมาย
************************************ 1 กันยายน 2553