นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมคณะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ประจำปี 2553 โดยมีศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี เป็นประธาน และนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี รองประธานมูลนิธิคนที่ 2 ร่วมประชุม ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ซึ่งมี 21 แห่งทั่วประเทศทุกเรื่อง และแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งการขาดแคลนบุคลากร ความแออัดของพื้นที่บริการที่จำกัด และอื่นๆ โดยจัดสรรงบประมาณภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2553-2555 เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างอาคารและจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ทดแทนของเดิมที่ชำรุด มีอายุใช้งานมานาน ในปีงบประมาณพ.ศ. 2553 จัดงบจำนวน 37.8 ล้านบาทใน 21 รายการ และในปี 2554 ได้ตั้งของบ 154.59 ล้านบาท ใน 72 รายการ รวมทั้งหมด 93 รายการ รวมงบทั้งสิ้น 192 ล้านบาทเศษ เช่นรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมเครื่องมือแพทย์ กล้องถ่ายภาพจอประสาทตา เครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอ็กซเรย์ เครื่องอัลตราซาวด์ เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจและสัญญาณชีพ กล้องสำหรับส่องตรวจช่องท้อง และผ่าตัดผ่านกล้อง เป็นต้น

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สภาพปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ใกล้เคียงกับปัญหาในภาพรวมของสถานบริการสาธารณสุขอื่นๆในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แต่โชคดีกว่า เนื่องจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นกรณีพิเศษ และมีมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยสนับสนุนดูแล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชประมาณร้อยละ 62 ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน จากสาเหตุใหญ่ 2 เรื่องคือ 1.ระบบการจัดสรรเงินโดยใช้จำนวนประชากรที่ดูแล โดยโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารหรือมีประชากรในเขตรับผิดชอบน้อยแต่มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำสูง ทำให้ค่าใช้จ่ายไม่พอ ได้ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหาแนวทางแก้ไขร่วมกับเลขาธิการสปสช. ขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการสปสช.เพื่อปรับระบบการจัดสรรเงิน อย่างน้อยให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายพื้นฐานของโรงพยาบาลเพื่อให้โรงพยาบาลอยู่ได้
2.โรงพยาบาลจำนวนหนึ่งต้องรับภาระผู้ป่วยที่ไม่มีหลักประกันใดๆได้แก่ 1.ผู้ที่อยู่ในเมืองไทยแต่ไม่มีสัญชาติประมาณ 547,000 คนที่รอพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งโรงพยาบาลต้องรักษาฟรี ได้แก้ปัญหาแล้วโดยครม.มีมติอนุมัติเงินปีที่แล้วครึ่งปี และปี2553 จัดให้ 1,000 ล้านบาท 2.กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย และ3.กลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งมีนโยบายให้เก็บเงินได้ กำลังทำระบบเก็บค่ารักษาเบื้องต้น อยู่ระหว่างการหารือกับ ททท.เพื่อไม่ให้กระทบการท่องเที่ยว
ส่วนปัญหาการขาดแคลนบุคลากร กำลังเร่งคลี่คลายปัญหา เพิ่มกำลังผลิตแพทย์จากเดิมปีละ 1,300 คน จะเพิ่มผลิตปีละ 2,500 คนตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป คาดว่าใน 6 ปีจะมีแพทย์ในอัตรามาตรฐานสากล ส่วนทันตแพทย์อีก 10 ปีจะมีจำนวนเพียงพอ ส่วนพยาบาลที่ยังขาดแคลนมาก โดยเฉพาะพยาบาลเวชปฏิบัติ จะเร่งรัดอบรมพยาบาลวิชาชีพเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ และเปิดโอกาสให้นักวิชาการสาธารณสุขที่มีวุฒิพยาบาลสามารถปฏิบัติหน้าที่พยาบาลได้ รวมทั้งอบรมพยาบาลจิตเวชเพื่อช่วยจิตแพทย์ทำงาน ซึ่งครม.อนุมัติแผนระยะ 5 ปี

******************************    5 สิงหาคม 2553

 



   
   


View 2       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ