นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ใหัสัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2553 ได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการแจ้งคำเตือนการใช้ยาเอ็นเสดส์ ซึ่งเป็นยาใช้รักษาอาการปวดข้อหรือไขข้ออักเสบ ไว้ในฉลากและที่เอกสารกำกับยา เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ยา เนื่องจากยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการผลิตหรือนำเข้าจะต้องแจ้งคำเตือนการใช้ยาในฉลาก รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาในเอกสารกำกับยา เพื่อให้แพทย์และเภสัชกรใช้ยารักษาผู้ป่วยอย่างถูกต้อง รอบคอบ และระมัดระวัง สามารถให้คำแนะนำการใช้ยาแก่ประชาชนอย่างถูกต้อง และไม่เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ยาตามมาภายหลัง เช่น ไตวาย เลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือเกิดอันตรายกับเด็กในครรภ์ เป็นต้น โดยจะมีผลบังคับใช้หลังลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 180 วัน หรืออีก 6 เดือน หรือประมาณสิงหาคม 2553 นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ในระหว่างที่ประกาศกระทรวงฯยังไม่มีผลบังคับใช้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะทำหนังสือแจ้งเวียนไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ และโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และแจ้งผู้ประกอบการที่ผลิตหรือนำเข้ายา เพื่อให้ยึดหลักปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทางด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ยากลุ่มเอ็นเสดส์(NSAIDs : Nonsteroidal anti-inflammatory drug) นี้ เป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ใช้แก้ปวดได้ดี โดยเฉพาะอาการปวดที่เกิดจากการอักเสบ โดยยานี้จะไปหยุดยั้งการสร้างสารที่เป็นสื่อกลางในการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ยับยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวบางชนิด โดยทั่วไปแพทย์จะใช้ยากลุ่มนี้ ซึ่งมีมากกว่า 20 ชนิด รักษาอาการปวดข้อต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูห์มาตอยด์ โรคข้อเสื่อม โรคไขสันหลังอักเสบ โรคเก๊าท์ และรักษาอาการปวดประจำเดือนด้วย แต่ยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น ปัญหาไตวาย เลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือเกิดอันตรายกับเด็กในครรภ์ เป็นต้น จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามนั้น มีผลใช้บังคับให้ยาในเอ็นเสดส์ทั้งหมด เช่น เช่น ยาไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) ยานาโปรเซน (Naproxen) ยาไพร็อกซิแคม (Piroxicam) ยาไดโคลฟีแน็ค (Diclofenac) ยาเมฟีนามิค เอซิด (Mefenamic acid) ยาซูลินแดค (Sulindac) โดยกำหนดต้องมีคำเตือนอันตรายบนฉลาก ได้แก่ ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยา หรือผู้ที่มีอาการหอบหืด ลมพิษ หรือโพรงจมูกอักเสบแบบเฉียบพลัน จากการแพ้ยากลุ่มแอสไพริน หรือกลุ่มเอ็นเสดส์ สตรีมีครรภ์ไตรมาสสุดท้ายหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้นอกจากแพทย์สั่ง ห้ามใช้ในผู้ที่มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ หรือมีแผลทะลุ ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไตอย่างรุนแรง ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคไข้เลือดออก ส่วนในเอกสารกำกับยา กำหนดให้มีข้อความคำเตือนแก่ผู้ใช้ อาทิ การเพิ่มความเสี่ยงเกิดเลือดออกหรือแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ หลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เมื่อใช้ยาในขนาดสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ของภาวะบวมน้ำ จึงควรใช้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ไตทำงานผิดปกติ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออก หรือเกร็ดเลือดผิดปกติจากสาเหตุอื่นๆ เนื่องจากยานี้มีผลต่อการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด คำเตือนทั้งหมดนี้ จะทำให้คนไทยใช้ยากลุ่มนี้บำบัดรักษาโรคหรืออาการปวดข้อต่างๆได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น *** 4 เมษายน 2553


   
   


View 19    04/04/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ