ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงตรวจความเสียหาย สถานีอนามัยโต๊ะแน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 2 ล้าน ชี้การเผาสถานบริการด้านสาธารณสุข ผลร้ายที่สุดตกอยู่กับชาวบ้านในพื้นที่เอง ขาดที่รักษาใกล้บ้าน ส่วน 2 เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยโต๊ะแน ขณะนี้อยู่ระหว่างพักฟื้นจิตใจ โดยกระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณาความดีความชอบให้เป็นกรณีพิเศษ นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังนำคณะ ประกอบด้วย นายแพทย์สุวัจน์ เฑียรทอง รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นางจุรีภรณ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ นายกสมาคมแม่บ้านสาธารณสุข และผู้บริหารในพื้นที่ เดินทางไปมอบกระเช้าของเยี่ยมและเงินปลอบขวัญ แก่เจ้าหน้าที่ของสถานีอนามัยโต๊ะแน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ซึ่งถูกกลุ่มคนร้ายข่มขู่และขับไล่ให้ออกจากสถานีอนามัยก่อนจุดไฟเผา ทำให้ทรัพย์สินภายในสถานีอนามัยได้รับความเสียหายทั้งหมด โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา ว่า สถานีอนามัยโต๊ะแนที่ถูกคนร้ายเผานั้น ตั้งอยู่ในทำเลที่ห่างไกลบ้านชาวบ้าน มีเจ้าหน้าที่ประจำ 2 คน คือ นางฟาฎีมะฮ์ แอทอง เจ้าหน้าที่บริหารงานสาธารณสุข 6 และนายหมะมุ ซาหะ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน 4 ซึ่งหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนรู้สึกหวาดหวั่น ไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงได้อนุญาตให้ลาหยุดเพื่อพักฟื้นจิตใจเป็นเวลา 7 วัน แต่จากการตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ในวันนี้ พบว่าขวัญกำลังใจดีขึ้นมาก สามารถพูดคุยเล่าถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุได้อย่างละเอียด และพร้อมที่จะกลับมาปฏิบัติงานหลังครบกำหนดลาพัก สำหรับสภาพความเสียหายของสถานีอนามัยโต๊ะแน จากการตรวจสอบพบว่าโครงสร้างภายใน อาทิ ฝ้า เพดาน รวมทั้งวัสดุ ครุภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ได้รับความเสียหายทั้งหมด หากจะซ่อมแซมต้องใช้เงินประมาณ 1,374,000 บาท และจะต้องจัดหาครุภัณฑ์ประจำสำนักงานอีก กว่า 7 แสนบาท ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเปิดให้บริการได้เมื่อใด เพราะจะต้องให้โยธาจังหวัดเข้ามาประเมินความปลอดภัยของโครงสร้างอาคารภายนอกก่อน โดยระหว่างนี้จะให้เจ้าหน้าที่ของสถานีของสถานีอนามัยโต๊ะแน ทั้ง 2 คน ไปช่วยงานที่สถานีอนามัยตะโละดือรามัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตรก่อน นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า การก่อเหตุเผาสถานบริการสาธารณสุขครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการบั่นทอนขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีปัญหาขาดแคลน ไม่เพียงพอที่ให้บริการประชาชนที่มีโอกาสเจ็บป่วยได้ตลอดเวลาแล้ว ยังทำให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่เดือดร้อนด้วย เพราะเมื่อเกิดเจ็บป่วย แทนที่จะได้รักษาที่สถานีอนามัยใกล้บ้าน กลับต้องเดินทางไปรับการรักษาไกลออกไปอีก เนื่องจากสถานีอนามัยถูกเผาไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้องขอชมเชยความเสียสละของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทุกคน ที่ยังคงยืนยันจะอยู่ให้บริการประชาชนต่อไป โดยเฉพาะนางฟาฏีมะฮ์ แอทอง และนายหมะมุ ซาหะ ที่แม้จะถูกคุกคามจนเสียขวัญ แต่ก็พร้อมที่จะกลับมาปฏิบัติงานอีก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะเร่งดำเนินการพิจารณาความดีความชอบให้เป็นกรณีพิเศษต่อไป ********************************* 14 มกราคม 2550


   
   


View 3       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ