ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งชะลอการจัดซื้อ 6 รายการครุภัณฑ์โครงการไทยเข้มแข็งที่มีปัญหา ได้แก่ ยูวี แฟน เครื่องช่วยหายใจ เครื่องดมยาสลบ เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจ เครื่องตรวจสารเคมีในเลือด และรถพยาบาล เร่งคณะกรรมการตรวจสอบให้เสร็จสิ้นภายใน 1 สัปดาห์ และให้คณะกรรมการชุดทบทวนความเหมาะสมโครงการฯ ตรวจสอบ 7,400 รายการครุภัณฑ์ทางการแพทย์และการก่อสร้าง ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะออกเดินสายรับฟังปัญหาจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่โดยตรงทุกภาคตลอดสัปดาห์หน้านี้ เพื่อขจัดปัญหาทุจริต
วันนี้ (2 ตุลาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบยูวี นายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย สาธารณสุขนิเทศก์ 1 ในคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมฯ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 ของกระทรวงสาธารณสุขงบประมาณทั้งหมด 86,684.61 ล้านบาท
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า ขณะนี้โครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข มีความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นในกระบวนการดำเนินงานก่อนที่จะเกิดการใช้งบประมาณจริง ในวันนี้ ได้สั่งให้ชะลอรายการครุภัณฑ์ 6 รายการที่หลายฝ่ายท้วงติง ได้แก่ เครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบยูวีหรือยูวีแฟน เครื่องช่วยหายใจ เครื่องดมยาสลบ เครื่องติดตามการทำงานของหัวใจหรือเซ็นทรัลโมนิเตอร์ เครื่องตรวจสารเคมีในเลือด และรถพยาบาล และให้คณะกรรมการชุดตรวจสอบรายการที่เป็นปัญหา มีนายแพทย์เสรี หงษ์หยก เป็นประธาน ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นใน 1 สัปดาห์
ส่วนกรรมการอีก 1 ชุด ซึ่งเป็นชุดตรวจสอบทบทวนความเหมาะสมโครงการฯ มีผู้แทนหลายฝ่าย รวมถึงชมรมแพทย์ชนบทเป็นกรรมการตรวจสอบ ให้ตรวจสอบรายการในโครงการฯ ซึ่งมีทั้งหมด 14 โครงการ รวม 7,400 รายการ ซึ่งร้อยละ 66 เป็นงบลงทุนการพัฒนาปรับปรุงอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้าง ร้อยละ 27 เป็นงบจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อการตรวจวินิจฉัย การรักษาและอื่น ๆ ร้อยละ 5 เป็นงบผลิตและพัฒนาศักยภาพบุคลากร และที่เหลืออีกร้อยละ 2 เป็นงบดำเนินงาน โดยกำหนดให้ดำเนินการทบทวนให้แล้วเสร็จใน 1 เดือน และรายงานผลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขทุกวัน
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ในการรวบรวมความต้องการจากพื้นที่ ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานอย่างตั้งใจ ด้วยความเหนื่อยยาก ภายใต้เวลาที่จำกัด อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง เช่น รายการครุภัณฑ์ที่ปรากฏอยู่ในรายการโดยพื้นที่ไม่ได้ขอ จะต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นคนสั่ง ส่วนประเด็นการจัดซื้อครุภัณฑ์ 46 รายการให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เลือกซื้อตามความจำเป็นในการใช้งานภายใต้วงเงิน 850,000 บาท ได้หารือกับผู้แทนสำนักงบประมาณ ขอทบทวนวิธีปฏิบัติบางประการที่เป็นอุปสรรคแล้ว นอกจากนี้ ก็จะหารือกับคณะกรรมการกลั่นกรองความเหมาะสม เรื่องการกำหนดเฉพาะรายการและวงเงิน โดยไม่ต้องกำหนดสเป็คจากส่วนกลาง
อนึ่ง จากการที่คณะกรรมาธิการสาธารณสุข ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการไทยเข็มแข็ง 2555 ชี้แจงรายการครุภัณฑ์ 46 รายการที่ให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเลือกจัดซื้อ ทั้งคณะกรรมาธิการ สธ. และชมรมแพทย์ชนบท มีความพอใจ เห็นชอบในหลักการ และไม่ติดใจโครงการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์หน้านี้ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเดินสายรับฟังปัญหาและอุปสรรคการดำเนินงานตามโครงการฯ จากพื้นที่โดยตรง โดยจะประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ทั่วประเทศในวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม 2552 ลงตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่จังหวัดกาญจนบุรีในวันที่ 6 ตุลาคม ประชุมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศในวันที่ 7 ตุลาคม ส่วนในวันที่ 8 ตุลาคม จะรับฟังความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการทั้ง 2 ชุด จากนั้น จะประชุมสาธารณสุขอำเภอและหัวหน้าสถานีอนามัยทุกภาค เริ่มที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดนครราชสีมาในวันที่ 9 ตุลาคม ภาคกลางที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม ภาคใต้ที่จังหวัดสงขลาวันที่ 11 ตุลาคม และภาคเหนือที่จังหวัดพิษณุโลก วันที่ 12 ตุลาคม เพื่อให้การลงทุนก่อสร้างและจัดซื้อครุภัณฑ์ทุกชิ้น เกิดประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่มากที่สุด ไม่มีปัญหาทุจริตเกิดขึ้นในโครงการ
************************************** 2 ตุลาคม 2552
View 12
02/10/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ