รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้มมาตรการ 2 ลด 3 เร่ง พุ่งเป้า 3 กลุ่ม ได้แก่ แพทย์/พยาบาลในโรงพยาบาล ปฏิบัติตามแนวทางการรักษาพยาบาล เสริมความรู้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย ให้คัดกรองผู้ป่วยได้รวดเร็ว ส่วนกลุ่มประชาชน รู้วิธีป้องกันการรับและแพร่เชื้อ และมาพบแพทย์เมื่ออาการไม่ดีขึ้น
บ่ายวันนี้ (4 กันยายน 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเขตภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 36 จังหวัด เพื่อมอบนโยบายเร่งรัดมาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ในพื้นที่
นายวิทยา กล่าวว่า การป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ของประเทศไทย โดยใช้มาตรการ 2 ลด คือ ลดการติดเชื้อและป่วยให้มากที่สุด ลดการเสียชีวิตให้มากที่สุด และ 3 เร่ง คือ เร่งค้นหาผู้ป่วยในชุมชน เร่งเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเอง และเร่งรัดสร้างความร่วมมือทุกฝ่ายทั้งส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่น จากการประเมินผลพบว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม สำนักระบาดวิทยายังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่าการแพร่ระบาดมีการขยายตัวออกไปในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง และกระจายจากเขตเมืองลงสู่ชนบท การแพร่ระบาดเริ่มเข้าสู่ครอบครัว โดยเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ต้องเร่งสกัดการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดให้ได้เร็วที่สุด
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ได้มอบนโยบายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ควบคุม กำกับ สถานบริการทุกแห่งในพื้นที่ ให้ดำเนินตามมาตรการ 2 ลด 3 เร่ง อย่างเข้มข้นป้องกันการเสียชีวิตผู้ป่วย โดยเน้นใน 3 กลุ่มหลัก กลุ่มแรก คือ กลุ่มแพทย์/พยาบาล ในโรงพยาบาล ขอให้ติดตามดูแลให้มีการปฏิบัติตามแนวทางการรักษาพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กลุ่มที่ 2 คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสถานีอนามัย ซึ่งเป็นสถานบริการด่านแรกของประชาชนในเขตชนบท ให้เร่งรัดเสริมความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ อย่างทั่วถึง เพื่อให้สามารถคัดกรองผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง และกลุ่มที่ 3 คือ ประชาชนทั่วไป ให้เน้นย้ำมาตรการป้องกันการติดเชื้อที่สำคัญ ได้แก่ การล้างมือและการใช้หน้ากากอนามัยเมื่อป่วยเป็นหวัด รวมทั้งการดูแลตนเองเบื้องต้น และมาพบแพทย์โดยเร็วหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง นอกจากนี้ ขอให้แต่ละจังหวัด จัดทำฐานข้อมูลกลุ่มบุคคลและพื้นที่เสี่ยงเกิดการแพร่ระบาด เพื่อเข้าไปดูแลเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด
ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ในหลายชุมชนเริ่มมีการตื่นตัว ในการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ โดยจัดระบบเฝ้าระวังกันเองในชุมชน มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นพี่เลี้ยง คอยให้ความช่วยเหลือและสิ่งสนับสนุนต่างๆ ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดอย่างได้ผล ดังนั้น หากมีการนำรูปแบบการดำเนินงานของชุมชนเหล่านี้ไปขยายผล โดยเฉพาะในสังคมต่างจังหวัดที่ส่วนใหญ่มีความผูกพันใกล้ชิดกันมากกว่าสังคมเมือง โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ดูแลให้การสนับสนุน ทั้งด้านวิชาการ วัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งติดตามประเมินปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำเนินงาน มั่นใจว่าจะช่วยให้การควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ในภาพรวมระดับประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น
**************************4 กันยายน 2552
View 10
04/09/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ