“วิทยา” สั่งกองประกอบโรคศิลปะ ตรวจสอบร.พ.ที่รักษาหญิง มีสายยางในกระเพาะปัสสาวะ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งกองประกอบโรคศิลปะ ตรวจสอบและขอรายละเอียดโรงพยาบาลเอกชนที่รักษาผู้ป่วยหญิงหลังถูกยิง และมีสายยางอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยขณะนี้ส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลราชวิถีแล้ว จากกรณีที่ นายอนุพงษ์ รองนุช ร้องเรียนว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2552 ภรรยาของตนปวดท้องจึงเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนย่านบางแค กรุงเทพฯ แพทย์ตรวจพบสายยางยาว 25 เซนติเมตร ในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 เนื่องจากถูกยิงเมื่อปี 2547 ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมามีอาการผิดปกติ ปวดท้องและกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยมาก เดินทางไปต่างจังหวัดไม่สะดวก และ2 สัปดาห์ที่ผ่านมาปวดท้องรุนแรงจึงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลย่านบางแคซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ โดยแพทย์ตรวจวินิจฉัยว่าอาการปวดท้องอาจมาจากก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แต่เมื่อส่องกล้องและเอกซเรย์ นอกจากพบก้อนนิ่วแล้วยังพบสายยางยาว 25 เซนติเมตร และให้ไปขอรายละเอียดประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลย่านหนองแขม แต่กลับบ่ายเบี่ยงไม่ให้ และอ้างว่าไม่มีประวัติ ให้กลับมารักษาใหม่ โดยวันที่ 27 สิงหาคม 2552 แพทย์จะผ่าตัดนำสายยางออกให้ แต่มีเงื่อนไขว่าจะไม่รับผิดชอบใดๆหากเกิดอะไรขึ้นภายหลัง และหากผู้ป่วยไม่ผ่าตัดก็จะไม่รักษาต่อและให้ไปรักษาที่อื่น จึงร้องเรียนขอให้ช่วยส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อนั้น เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ได้ส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถีแล้ว โดยนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งให้กองประกอบโรคศิลปะ ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอรายละเอียดข้อมูลการรักษาผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา โดยรวมกับข้อมูลโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรวบรวมข้อมูลส่งให้แพทยสภาตรวจสอบความถูกต้องการรักษาพยาบาล หากการตรวจสอบพาดพิงไปโรงพยาบาลไหน ก็จะขอเหตุผลการรักษาว่าใส่ท่อทิ้งไว้เพื่ออะไร โดยโรงพยาบาลราชวิถีจะผ่าตัดผู้ป่วยในบ่ายวันนี้ และโรงพยาบาลราชวิถีจะให้รายละเอียดต่อไป ทางด้าน นายแพทย์ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า จะดูรายละเอียดการรักษาผู้ป่วยรายนี้ พร้อมทั้งดูมาตรฐานของโรงพยาบาล ทั้งผู้ประกอบวิชาชีพ บุคลากร เครื่องมือแพทย์ และสถานที่ว่าเป็นไปตามข้อกำหนดตาม พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 หรือไม่ โดยจะรวบรวมข้อมูลส่งให้แพทยสภา เพื่อตรวจสอบมาตรฐานการรักษาว่าเป็นไปตามจริยธรรมหรือไม่ โดยจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน *************************************** 28 สิงหาคม 2552