โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ชี้สาเหตุเด็กวัย 2 ขวบที่สุพรรณบุรี เดินไม่ได้หลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และไข้สมองอักเสบ ที่สถานีอนามัยเสาธงทอง อ.บางปลาม้า เกิดจากเด็กมีน้ำคั่งในโพรงสมองหรือที่เรียกว่า หัวบาตร ต้องใช้เวลารักษาต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดจากตัววัคซีนหรือความผิดพลาดจากการฉีดแต่อย่างใด จากกรณี นางสังวาลย์ สารีผล อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 251 หมู่ 7 ต.สาลี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ได้พาด.ญ. ลิลดา บุญพราน หรือน้องฟ้า บุตรสาวอายุ 1 ปี 9 เดือน ร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาฯ ว่า ได้พาบุตรไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และไข้สมองอักเสบ อย่างละ 1 เข็มที่หน้าขาทั้ง 2 ข้าง ที่ สอ.เสาธงทอง ต.สาลี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2552 หลังฉีด 1 วันสังเกตเห็นมีอาการขาสั่นเกร็ง ยืนไม่ได้ พาไปรักษาที่รพ.บางปลาม้า รพ.เจ้าพระยายมราช และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ผลเอ็กซเรย์พบมีน้ำในสมอง ได้รับการรักษาจนถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2552 นัดติดตามอาการวันที่ 26 สิงหาคม 2552 ซึ่งมารดาเด็กต้องการทราบสาเหตุที่เด็กเดินไม่ได้และต้องการให้แพทย์รักษาให้กลับมาเดินได้เหมือนปกติ ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี พบว่า เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยได้ฉีดวัคซีนให้น้องฟ้าตามปกติ พร้อมกับเด็กอื่นๆ รวม 25 คน จากการหาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เดินไม่ได้ ตามระบบเฝ้าระวังอาการอัมพาตกล้ามเนื้ออ่อนแรง พบว่าไม่ได้เกิดจากโรคโปลิโอ และกล้ามเนื้อที่ขาทั้ง 2 ข้างยังปกติ ไม่มีปัญหาฝ่อลีบที่อาจเกิดจากการฉีดยาผิดพลาดโดนเส้นประสาท จึงสรุปได้ว่า ไม่ได้เกิดจากการฉีดวัคซีนของเจ้าหน้าที่ และวัคซีนก็มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเด็กที่ฉีดในวันเดียวกันไม่มีอาการผิดปกติ อย่างไรก็ตาม นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กำชับให้ดูแลรักษาฟื้นฟูน้องฟ้าอย่างเต็มที่ ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ โฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันมีความปลอดภัยสูง และผ่านการตรวจคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยกรมควบคุมโรคมีระบบติดตามเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์หลังให้ภูมิคุ้มกันโรคเด็กทั่วประเทศตามระบบสากล ต่อเนื่องมากว่า 12 ปี พบว่าอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เป็นโรคอื่นที่บังเอิญเกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังได้รับวัคซีน อย่างไรก็ตาม อาจเกิดอาการข้างเคียงเล็กน้อยได้ เช่น มีไข้ต่ำๆ แต่จะหายภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนการแพ้วัคซีนมักมีผื่นขึ้น และหน้ามืด พบได้น้อยมาก ประมาณ 5 รายในล้านราย อาการจะเกิดขึ้นภายใน 30 นาทีหลังได้รับวัคซีน ดังนั้นแพทย์จะให้รอสังเกตอาการ 30 นาทีก่อนกลับบ้าน ด้านแพทย์หญิงศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า มารดาได้พาน้องฟ้ามารักษาเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ด้วยอาการขาสั่นทั้ง 2 ข้าง ยืนทรงตัวไม่ได้ ไม่ยอมเดิน หลังได้รับวัคซีนประมาณ 2 เดือนก่อนมาโรงพยาบาล ผลเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองและตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง พบว่ามีโพรงน้ำในสมองขนาดใหญ่ (Hydrocephalus) หรือเรียกว่าหัวบาตร ทำให้มีอาการเกร็ง เดินไม่ได้ ไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด หลังรักษาโดยการเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อระบายน้ำออกจากโพรงสมอง และให้ยาลดความดันในโพรงสมอง น้องฟ้าอาการดีขึ้น จากที่เดินไม่ได้ เริ่มเกาะยืน คลานได้ อาการสั่นเกร็งของขาทั้ง 2 ข้างลดลง วันที่ 10 สิงหาคม 2552 มารดาขอพาเด็กกลับบ้านเนื่องจากไม่มีคนดูแล แพทย์ได้อธิบายอาการและนัดติดตามผลในวันที่ 26 สิงหาคม 2552 แต่หากอาการไม่ดีขึ้นให้มาพบก่อนวันนัด ซึ่งโรคนี้ต้องรักษาต่อเนื่องเป็นเวลานาน และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ก็จะมีโอกาสอาการดีขึ้น โดยสถาบันสุขภาพเด็กฯ รักษาให้ฟรีตามสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิงหาคม4/7 *************** 17สิงหาคม 2552


   
   


View 18    17/08/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ