กระทรวงสาธารสุข เผยแนวโน้มคนไทยจะป่วยด้วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้น จากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ อาทิ กินอาหารไม่เหมาะสม ไม่ออกกำลังกาย ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เปิดตัว “โครงการเฉลิมพระเกียรติ ครบรอบ 34 ปี สถาปนาสยามมกุฎราชกุมาร” ให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติและศูนย์มะเร็งภูมิภาคทั่วประเทศ บริการตรวจค้นหามะเร็งระยะเริ่มแรก 5 ระบบฟรี 25-29 ธันวาคมนี้ พร้อมออกสัญจรรณรงค์ให้ความรู้ “5 ทำ 5 ไม่ ห่างไกลมะเร็ง” แก่ประชาชนทั่วประเทศจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2550 บ่ายวันนี้ (25 ธันวาคม 2549) นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประธานเปิด “โครงการเฉลิมพระเกียรติ ครบรอบ 34 ปี สถาปนาสยามมกุฎราชกุมาร” ที่ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ว่า โรคมะเร็งนับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทยตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา และปัจจุบันแนวโน้มที่คนไทยจะมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมีสูงขึ้น จากการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม และสิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยง ซึ่งเมื่อป่วยด้วยโรคมะเร็งแล้ว ผู้ป่วยจะทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาอย่างมาก และหากพบในระยะลุกลาม โอกาสที่จะรักษาให้หายขาดเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การป้องกันและตรวจค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้สามารถรักษาให้หายได้ทันเวลาแล้ว ยังช่วยเพิ่มอัตราการอยู่รอดให้กับผู้ป่วย และลดอัตราการเป็นมะเร็งระยะลุกลามอีกด้วย นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ใช้โอกาสมหามงคล ครบรอบ 34 ปี วันสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 ธันวาคม 2549 จัดทำ “โครงการเฉลิมพระเกียรติ ครบรอบ 34 ปี สถาปนาสยามมกุฎราชกุมาร” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน และกระตุ้นประชาชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคมะเร็ง โดยมอบหมายให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และศูนย์มะเร็งภูมิภาค 7 แห่ง ได้แก่ ชลบุรี ลพบุรี ลำปาง อุบลราชธานี อุดรธานี สุราษฎร์ธานี และศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี ปทุมธานี รับผิดชอบดำเนินการ ด้านนายแพทย์ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้ชาย ได้แก่ มะเร็งตับ รองลงมาเป็น ปอด ลำไส้ใหญ่/ทวารหนัก ช่องปาก/คอหอย และต่อมลูกหมาก ส่วนผู้หญิงพบมะเร็งปากมดลูกมากสุด รองลงมาเป็น เต้านม ตับ ปอด และลำไส้ใหญ่/ทวารหนัก ทั้งนี้ จากการศึกษาวิจัยพบว่า 2 ใน 3 ของสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง มีส่วนสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสมและสิ่งแวดล้อม และประมาณ 1 ใน 3 ของโรคมะเร็งที่พบบ่อยสามารถป้องกันได้ ดังนั้น ในการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งนี้ จึงแบ่งกิจกรรมเป็น 2 ส่วน ได้แก่ สัปดาห์การตรวจคัดกรองมะเร็งระยะเริ่มแรก เน้นมะเร็งที่สามารถตรวจได้ง่ายและสะดวก 5 ระบบ ได้แก่ ช่องปาก เต้านม ปากมดลูก ทางเดินปัสสาวะ และสำไส้ใหญ่/ทวารหนัก เริ่มตั้งแต่วันที่ 25-29 ธันวาคม 2549 ประชาชนที่สนใจสามารถขอรับบริการตรวจได้ฟรี ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติและศูนย์มะเร็งภูมิภาคทั้ง 7 แห่ง สำหรับกิจกรรม “5 ทำ 5 ไม่ ห่างไกลมะเร็ง” ซึ่งเป็นการรณรงค์ให้ความรู้ในการป้องกันโรคมะเร็งที่ประชาชนสามารถปฏิบัติได้ง่าย ได้แก่ ออกกำลังกายเป็นนิจ เนื่องจากความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของโรคมะเร็ง ทำจิตแจ่มใส ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรค กินผักผลไม้ ซึ่งนอกจากมีสารต้านมะเร็งแล้วยังมีเส้นใยอาหารช่วยลดการเกิดมะเร็งสำไส้ด้วย อาหารหลากหลาย โดยกินให้ครบ 5 หมู่ ลดอาหารไขมันสูง ปิ้ง ย่าง ทอดที่ไหม้เกรียม หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง มีดินประสิว และตรวจร่างกายเป็นประจำ เพื่อค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรก ส่วน 5 สิ่งที่ไม่ควรทำ ได้แก่ ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งจะช่วยลดผู้ป่วยมะเร็งปอดได้ประมาณ 8,000 ราย/ปี และผู้ที่หยุดสูบบุหรี่จะลดโอกาสเกิดมะเร็งปอดได้ร้อยละ 60-70 ไม่มีเซ็กซ์มั่ว โดยเฉพาะผู้หญิง เพราะยิ่งมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย และมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายหลานคน จะยิ่งเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปากมดลูก ไม่มัวเมาสุรา เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งถึง 9 เท่า และหากสูบบุหรี่ร่วมด้วยจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นเป็น 50 เท่า ไม่ตากแดดจ้า ช่วยไม่ให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังจากรังสีอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด และไม่กินปลาน้ำจืดดิบ โดยเฉพาะปลาน้ำจืดที่มีเกล็ด เช่น ปลาตะเพียน ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาเกล็ดขาว ปลาแม่สะแด้ง เป็นต้น เนื่องจากปลาเหล่านี้มีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิใบไม้ตับอยู่ในเนื้อปลา หากกินสุกๆ ดิบๆ จะติดพยาธิและเกิดมะเร็งท่อน้ำดีในตับได้ ซึ่งการรณรงค์ 5 ทำ 5 ไม่ ห่างไกลมะเร็งนี้ จะดำเนินการเชิงรุกโดยสัญจรไปทั่วประเทศ เริ่มตั้งแต่ 25 ธันวาคม 2549 ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2550


   
   


View 5    25/12/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ