กระทรวงสาธารณสุข เปิด 3 ยุทธศาสตร์ “ล้อมรั้ว เชิงรุก และรักษา “สกัดกั้นหวัดใหญ่ลามสู่ไทย หลังพบระบาดเข้าเอเชียที่ฮ่องกง เกาหลีใต้ โดยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงห่วงใยการระบาดโรค ทรงแนะให้กระทรวงสาธารณสุขเข้มระบบการเฝ้าระวังตามมาตรฐานไว้ก่อน เพื่อความมั่นใจ วันนี้ (2 พฤษภาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวัง แก้ไข ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน พลตรีสนั่น กล่าวว่า มีความมั่นใจมาตรการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยในประเทศ นับเป็นความสำเร็จขั้นต้น แต่สถานการณ์ยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ เพราะขณะนี้เชื้อระบาดเข้ามาสู่เอเชียแล้ว มาตรการจะต้องมีความเข้มข้นขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในวันพรุ่งนี้ จะต้องเตรียมการรับคนไทยจำนวน 14 คน จะมีคนไทยจากเม็กซิโกเดินทางกลับประเทศไทย จะต้องสร้างความเข้าใจประชาชน โดยเฉพาะครอบครัวของคนไทยดังกล่าวด้วย และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่ติดตามเยี่ยมบ้านทุกวัน นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้ไปดูจุดตรวจวัดไข้ที่สนามบินพิษณุโลก โดยทูลกกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงห่วงใยปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาดเข้าไทย และทรงสนพระทัยติดตามสถานการณ์และมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมาโดยตลอด ได้ประทานคำแนะนำโดยให้ดำเนินการให้สูงกว่ามาตรฐานไว้ก่อน สำหรับชาวไทยที่มาจากเม็กซิโก หากตรวจแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะมอบหน้ากากอนามัย พร้อมเจลล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อที่ติดมากับมือ ขอความร่วมมือเฝ้าระวัง และมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสอบถามอาการได้ทุกวัน และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม.ติดตามเคาะประตูบ้านติดตามอาการผิดปกติทุกวัน จนกว่าจะปลอดภัย แต่หากตรวจพบมีไข้ จะรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลทันที นายแพทย์ปราชญ์กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2552 กระทรวงสาธารณสุขได้ปฏิบัติงานเพื่อเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศ โดยมีการประชุมประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลก และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในมาตรการเดียวกัน ล่าสุดองค์การอนามัยโลกรายงานมีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 ทั่วโลก 381 ราย เสียชีวิต 10 ราย จาก 13 ประเทศ จะประกาศเพิ่มเติมอีก 1 ประเทศคือเกาหลีใต้ รวม 14 ประเทศ ขณะที่วันที่ 30 พฤษภาคม 2552 มีรายงานผู้ป่วย 257 รายใน 11 ประเทศ ขณะนี้เชื้อเข้าสู่เอเชียแล้ว ได้รับคำยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุขฮ่องกงและมหาวิทยาลัยฮ่องกง เป็นรายแรกของเอเชีย เป็นชาวอิตาลีเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ มาที่ฮ่องกง และรายที่ 2 ได้รับรายงานที่เกาหลีใต้ ในส่วนของไทยขณะนี้มีผู้ป่วยเฝ้าระวัง 2 ราย อยู่ที่รพ.บำราศนราดูร รายแรก ผลการตรวจเบื้องต้นเป็นลบ กำลังรอผลการตรวจยืนยัน รายที่ 2 อาชีพเป็นมัคคุเทศก์ ผลการตรวจร่างกายปกติ ให้นอนห้องแยกโรค ซึ่งทีมระบาดวิทยาได้ติดตามสอบสวนผู้สัมผัสที่มีอาการป่วยโดยเร็ว เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เชื้อแพร่ในประเทศ นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศยุทธศาสตร์ป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้ทุกจังหวัดปฏิบัติแนวเดียวกันทั่วประเทศ คือ ล้อมรั้ว เชิงรุก และรักษา ยุทธศาสตร์ล้อมรั้ว เน้นการป้องกันผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะมาตรการที่สนามบิน ได้ตั้งจุดคัดกรองผู้โดยสารเดินทางกลับเข้าประเทศผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภูเก็ต เชียงใหม่ ด้วยเครื่องตรวจวัดไข้ จัดทีมแพทย์ พยาบาล จัดระบบรับ-ส่งผู้ป่วยจากสนามบินและสถานพยาบาล ขณะนี้มีผู้เดินทางผ่านเครื่องนี้แล้วกว่า 1 แสนคน ยังไม่พบรายใดเข้าข่ายติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สำหรับยุทธศาสตร์เชิงรุก คือมาตรการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการเกณฑ์เดียวกับสากล รายงานผลภายใน 4 ชั่วโมง มีทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว หรือเอสอาร์อาร์ที (SRRT) ค้นหาผู้ป่วยในชุมชน 1,030 ทีม ร่วมกับอสม.อีกกว่า 970,000 คนทั่วประเทศ เพื่อค้นหาผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด ส่วนยุทธศาสตร์การรักษา ได้ปรับแนวทางการรักษาพยาบาล การให้ยาต้านไวรัส และการวางเครือข่ายระบบส่งต่อผู้ป่วยในสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชนแนวทางเดียวกัน หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นอาจเสนอจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับประเทศ ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ในไทยยังไม่มีผู้ติดเชื้อ แต่ขณะนี้เริ่มมีผู้ติดเชื้อยืนยันที่ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ไทยต้องเพิ่มมาตรการสกัดกั้นให้เข้มข้นขึ้น ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องกรอกรายละเอียดการเดินทางจากพื้นที่ระบาด ซึ่งสามารถติดตามอาการได้ตลอดเวลาที่พำนักในไทย และมีการตั้งเครื่องวัดไข้ที่ช่องทางขาเข้าท่าอากาศยานนานาชาติทุกแห่ง หากมีไข้จะส่งตัวเข้าดูแลรักษาที่โรงพยาบาลทันที โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้สำรองวัตถุดิบผลิตยาต้านไวรัสเพิ่มอีก 2 ล้านเม็ด จากเดิมที่มีอยู่ 4 ล้านเม็ด ********************************* 2 พฤษภาคม 2552


   
   


View 4       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ