รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หนุนหญิงไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เพราะนมแม่ดีที่สุด ประหยัดที่สุด เกิดสายสัมพันธ์แม่ลูกเหนียวแน่น ชี้ผลสำรวจในปี2548 มีหญิงไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวตลอด 6 เดือนเพียงร้อยละ 15 ที่เหลือต้องควักเงินซื้อนมผงเลี้ยงลูกปีกว่า 8,000 ล้านบาท เช้าวันนี้(22 พฤศจิกายน 2549)ที่จังหวัดสมุทรปราการ นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงาน “พ่อ แม่ ลูกผูกพัน เทิดไท้องค์ราชัน” ซึ่งจัดโดยโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สร้างความรัก ความผูกพันในครอบครัว ให้เด็กมีพัฒนาการสมวัย ได้รับสารอาหารที่เหมาะสม และรับมอบเครื่องเอ็กซ์เรย์ส่องตรวจโรค ปรับภาพโดยระบบดิจิตอลพร้อมระบบแม่ข่ายสำหรับจัดเก็บ รับส่งภาพทางการแพทย์ และเครื่องตรวจอวัยวะภายในร่างกายด้วยความถี่สูงจำนวน 1 ชุด จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการราคา 33 ล้านบาทเศษ มอบให้โรงพยาบาลสมุทรปราการ นายแพทย์มงคล กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้หญิงหลังคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องจากวงการแพทย์ทั่วโลกและองค์การอนามัยโลกยอมรับว่านมแม่มีสารอาหารที่ดีที่สุดของเด็กทารก และจะมีผลดีต่อสุขภาพเด็กมากกว่า เด็กไม่ป่วยบ่อย ผลสำรวจล่าสุดในปี 2548 พบมีแม่ไทยเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกันนาน 6 เดือน หรือประมาณ 120,000 คนเท่านั้น จากแม่ที่คลอดทั้งหมดปีละประมาณ 800,000 คน โดยแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่มีกว่า 6 แสนคน ต้องใช้เงินซื้อนมผสมเลี้ยงลูกเฉลี่ยเดือนละ 2,000 บาท เมื่อรวมแล้วทำให้เกิดการสูญเสียปีละกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งนมผสมมีคุณสมบัติไม่ดีเท่านมแม่ เนื่องจากไม่มีภูมิคุ้มกันโรค และไม่มีฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาทในสมองของเด็ก นายแพทย์มงคล กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในการเลี้ยงลูก ควรเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องช่วยกันตั้งแต่แรกเกิด เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวให้อุบอุ่นเหนียวแน่น เป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูกผูกพันเชื่อว่าจะสามารถลดและป้องกันปัญหาสังคมที่มีพื้นฐานจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่นที่กำลังประสบในขณะนี้ เช่น ปัญหายาเสพติด การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร และยังเป็นผลดีต่อเด็ก ทั้งนี้สมองของเด็ก จะสามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้ดีที่สุดในช่วง 3 ปีแรก จึงเป็นโอกาสทองในการพัฒนาสมองของเด็ก โดยในช่วง 2 ปีแรกสมองจะมีการสร้างเส้นใยประสาทมากที่สุด ทำให้เด็กเรียนรู้อย่างรวดเร็วและจะมีพัฒนาการในการเคลื่อนไหว การมองเห็นและการได้ยินเสียงตามมา และเมื่อเด็กอายุ 6 ปี สมองจะพัฒนาได้เกือบร้อยละ 60 - 70 ของสมองผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กจะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมด้วย นายแพทย์มงคล กล่าว ********************** 22 พฤศจิกายน 2549


   
   


View 10    22/11/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ