กระทรวงสาธารณสุข ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สนองแนวพระดำริพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ตั้งเป้าพัฒนาโรงพยาบาลรัฐ-เอกชน 1,178 แห่ง เป็น “โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว” ภายในปี 2552 กระตุ้นแม่ 800,000 คนทั่วไทยป้อนนมแม่ทันทีหลังคลอด ตั้งชุมชนนมแม่ให้ได้ร้อยละ 30 และครอบคลุมทั่วประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า พร้อมเร่งผลักดันกฎหมายห้ามโฆษณานมผสม วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2549) ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย ประชุมผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนเขตกรุงเทพ 150 แห่ง จำนวน 300 คน เพื่อขยายความร่วมมือในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตามโครงการ “โรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว” ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงสาธารณสุขสนองแนวพระดำริพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทรงเห็นคุณค่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีที่สุด สร้างความรัก ความอบอุ่น ความผูกพันระหว่างแม่ลูก ช่วยสร้างให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่จะพัฒนาระดับสติปัญญาหรือไอคิวของเด็กไทยให้สูงกว่า 100 จุดเท่ากับมาตรฐานสากล โดยตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุข จะผลักดันให้โรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนที่มีทั่วประเทศประมาณ 1,178 แห่ง เป็นโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว ให้ครบภายใน พ.ศ. 2552 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสนับสนุนให้หญิงหลังคลอด ที่มีปีละกว่า 800,000 คน ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ทันทีหลังคลอด และเลี้ยงอย่างต่อเนื่องจนถึง 6 เดือน ขณะนี้โรงพยาบาลรัฐที่มีกว่า 800 แห่งผ่านเกณฑ์แล้ว ส่วนโรงพยาบาลเอกชนซึ่งทั่วประเทศมี 300 กว่าแห่ง มีเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์ ดังนั้นในปี 2550 นี้ มีเป้าหมายดำเนินการในโรงพยาบาลเอกชนให้ได้ 150 แห่ง ทั้งนี้จากการสำรวจการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของประเทศไทยล่าสุดในปี 2548 พบมีแม่เพียงร้อยละ 15 ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ส่วนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 4 เดือนพบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 4 ในปี 2539 เป็นร้อยละ 30 ในปี 2549 โดยในปี 2550นี้ กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าหนุนให้เด็กทารกกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 หรือไม่ต่ำกว่า 240,000 คน นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์กล่าวต่อว่า ตามโครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว จะมีการอบรมพยาบาลในห้องคลอดและตึกหลังคลอดในโรงพยาบาลทุกแห่ง ซึ่งเป็นบุคลากรอยู่ใกล้ชิดกับแม่และเด็กมากที่สุด เพื่อแนะนำและกระตุ้นให้เด็กดูดนมแม่ทันทีหลังคลอด กระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนให้ขับน้ำนมเร็วขึ้น ไม่มีการแจกตัวอย่างนมผสม รวมทั้งไม่โฆษณาส่งเสริมนมผสมในโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัด และจะให้ชุมชนเข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นชุมชนนมแม่ สนับสนุนแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอาชีพ และดูแลสุขภาพสมาชิกทุกคนในครอบครัว เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวสมาชิก เริ่มดำเนินการในปีนี้ให้ได้ร้อยละ 30 ของชุมชนทั่วประเทศ ขณะนี้นำร่องแล้ว 4 จังหวัด จำนวน 378 ครอบครัว ได้แก่ กทม. นครราชสีมา เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช โดยจะขยายให้ครอบคลุมทุกชุมชนภายในปี 2554 นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะผลักดันให้มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามโฆษณานมผสม เพราะที่ผ่านมามีเพียงข้อตกลงแต่ยังไม่ถึงขั้นบังคับเป็นกฎหมาย โดยจะนำตัวอย่างจากหลายประเทศที่ทำสำเร็จเช่น ประเทศอินเดีย มาเป็นกรณีศึกษา พฤศจิกายน4/3 ********************* 15 พฤศจิกายน 2549


   
   


View 19    15/11/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ