กรมการแพทย์ โดยสถาบันทันตกรรม นำเทคโนโลยีดิจิทัลด้านทันตกรรมที่ทันสมัย (Digital Dentistry) ให้บริการด้าน         ทันตกรรมแบบครบวงจร เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการบริการทันตกรรมแก่ประชาชน รองรับความต้องการของประชาชนและสร้างการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมได้อย่างทั่วถึง ตอบโจทย์สำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาให้ได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็ว                 ลดระยะเวลาในการรักษา

นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันการเข้าถึงบริการทันตกรรมเฉพาะทางยังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศโดยเฉพาะประชาชนในท้องถิ่นห่างไกลและผู้ด้อยโอกาส ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตทั้งด้านกายภาพ อารมณ์ และสังคมทำให้คุณภาพชีวิตด้อยลง ข้อมูลจาก HDC ปี 2565 พบว่า ประชาชนกลุ่มก่อนวัยสูงอายุและวัยสูงอายุมีฟันเคี้ยวอย่างเหมาะสม (มีฟันแท้ใช้งานได้ไม่น้อยกว่า 20 ซี่ และฟันหลังใช้งานไม่น้อยกว่า 4 คู่สบ) เพียงร้อยละ 39.27 และ 33.17 ตามลำดับ การใส่ฟันเทียมเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไปได้รับการบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในทุกสิทธิการรักษาพยาบาลของประชาชน ทำให้ทุกโรงพยาบาลพัฒนาจนสามารถให้บริการใส่ฟันเทียมทั้งปากได้ แต่ก็ยังพบว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังคงไม่ได้รับการใส่ฟันเทียมเนื่องจากประชาชนเหล่านั้นยังคงขาดความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของฟันเทียม หรือมีปัญหาในการเดินทางไปรักษา หรือรอคอยคิวรับการบริการนาน

ทันตแพทย์หญิง ดร.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ให้บริการด้านทันตกรรมแบบครบวงจรด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลทางทันตกรรมมาใช้ร่วมกับการดูแลรักษาผู้ป่วย อาทิเช่น วางแผนและกำหนดตำแหน่งการฝังรากฟันเทียม การประเมินและวางแผนในการจัดฟัน รวมทั้งการผลิตชิ้นงานผู้ป่วยฟันเทียมทั้งปาก ครอบฟัน สะพานฟัน และเฝือกสบฟันสำหรับผู้ป่วยที่นอนกัดฟัน ตอบโจทย์สำหรับผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาให้ได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาในการรักษา เพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ป่วยขณะรักษา อีกทั้งเป็นสถานที่ฝึกอบรมทันตแพทย์เฉพาะทาง เพิ่มความรู้ ทักษะความชำนาญ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีทางทันตกรรม      เพื่อนำไปจัดบริการประชาชนในโรงพยาบาลรองรับความต้องการของประชาชนและสร้างการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมได้อย่างทั่วถึง

ด้านทันตแพทย์หญิงออนอง มั่งคั่ง ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ สาขาทันตกรรมประดิษฐ์ กล่าวถึง การทำฟันเทียมด้วยระบบดิจิทัล เข้ามาพัฒนาการทำฟันเทียมแบบเดิม ซึ่งจะสามารถลดจำนวนครั้งในการเข้ารับบริการได้ เช่น ฟันเทียมทั้งปาก ซึ่งต้องมีขั้นตอนในการสร้างชิ้นงานที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเดินทางมารับบริการอย่างน้อย 5 ครั้ง แต่มีเครื่องมือระบบดิจิทัลมาร่วมในการสร้างชิ้นงานฟันเทียมสามารถลดลงเหลือเพียง 2-3 ครั้ง หรือสามารถทำครอบฟันได้ภายใน 1 วัน เป็นต้น โดยการใช้เครื่องสแกนฟัน      ในช่องปากระบบสามมิติและนำส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วเข้าในระบบ CAD-CAM ซึ่งเป็นการขึ้นรูปตกแต่งภาพด้วย Computer Aid Design (CAD) และทำให้เกิดเป็นชิ้นงานด้วยระบบ Computer Aid Machinery (CAM) อาทิเช่น เครื่องกลึงวัสดุทางทันตกรรม       และเครื่องพิมพ์แบบสามมิติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้ลดความรู้สึกไม่สบายของผู้ป่วยในขณะพิมพ์ปาก สามารถส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์ไปยังห้องแลป เพื่อผลิตชิ้นงานได้ทันที และลดความผิดพลาดจากการผลิตชิ้นงานด้วยวิธีแบบดั้งเดิมได้

                              #กรมการแพทย์ #สถาบันทันตกรรม #เทคโนโลยีดิจิทัลทางทันตกรรม #ฟันเทียมระบบดิจิทัล #Digital Dental Prosthesis #Digital Dentistry
- ขอขอบคุณ- 3 กุมภาพันธ์ 2567

 



   


View 168    03/02/2567   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสารนิเทศ