กระทรวงสาธารณสุข กำชับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ในฤดูกาลปลายฝนต้นหนาว อากาศเริ่มหนาวเย็นลง อาจทำให้เชื้อไวรัสไข้หวัดนกหวนกลับมาระบาดได้อีก ย้ำเตือนประชาชน หากมีสัตว์ปีกป่วย ตายผิดปกติ ขอให้แจ้งอาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครปศุสัตว์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทันที อย่านำมาเชือดกินอย่างเด็ดขาดและหมั่นล้างมือฟอกสบู่หลังจับสัตว์ปีก
ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สภาพอากาศในไทยเริ่มเข้าสู่ปลายฝนต้นหนาว อากาศเริ่มหนาวเย็นลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เชื้อไวรัสเจริญเติบโตได้ดีที่สุด รวมทั้งไวรัสไข้หวัดนก แม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่พบการติดเชื้อในคนติดต่อกันมาเป็นเวลา 2 ปี 2 เดือนก็ตาม แต่ประมาทไม่ได้ ได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดภาคเหนือตอนล่างที่เคยพบสัตว์ปีกติดเชื้อ ให้เฝ้าระวังผู้เจ็บป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคปอดบวม ปอดอักเสบ ซึ่งมีลักษณะอาการของโรคทางเดินหายใจ ให้ซักประวัติการสัมผัสสัตว์ปีก หรือประวัติสัตว์ปีกที่บ้านตายผิดปกติทุกรายเพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัสได้ทันท่วงที
ส่วนในระดับหมู่บ้าน ได้ประสานความร่วมมืออาสาสมัครสาธารณสุขกว่า 800,000 คน เฝ้าระวังสัตว์ปีกตายและการเจ็บป่วยของประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบทุกวัน และขอความร่วมมือประชาชนทุกคน หากมีสัตว์ปีกในบ้านหรือใกล้เคียงป่วยตายผิดปกติ ห้ามนำมาเชือดกินอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีความเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดนกสูง ขอให้แจ้งอาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ไปเก็บซากสัตว์ไปตรวจหาเชื้อว่าเป็นไข้หวัดนกหรือไม่ ซึ่งจะสามารถวางแผนป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้คนไทยปลอดภัยจากโรคไข้หวัดนกตลอดไป
ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ เตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วย หากมีผู้ป่วยติดเชื้อโรคไข้หวัดนก โดยสร้างห้องแยกปลอดเชื้อในโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียงขึ้นไป โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ครบทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก และโรคติดต่อทางเดินหายใจอื่นๆ เป็นการเฉพาะ และสำรองยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ ไว้ครบทุกแห่ง เมื่อพบผู้ป่วยสามารถให้การดูแลรักษาได้ทันที และเป็นระบบมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
หม่อมหลวงนายแพทย์สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำนักระบาดวิทยา ได้เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่และโรคปอดบวมที่รักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในข่ายการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกด้วยทุกวัน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2551 30ตุลาคม2551 สำนักระบาดวิทยาได้รับรายงานทั้งหมด 873 ราย ยังไม่พบการติดเชื้อไข้หวัดนก
อย่างไรก็ตาม ในการป้องกันโรคไข้หวัดนก ขอให้ประชาชนล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆโดยเฉพาะภายหลังจับต้องสัตว์ปีก และไม่ควรคลุกคลีกับสัตว์ปีก โดยเฉพาะเด็กเล็ก เนื่องจากการติดเชื้อไข้หวัดนกมักติดเชื้อโดยทางตรงคือการสัมผัสกับสัตว์ปีกที่มีเชื้อหรือป่วย และติดจากการสัมผัสมูลสัตว์ปีก น้ำมูก น้ำตา น้ำลายของสัตว์ที่ป่วย โดยหลังติดเชื้อประมาณ1-3 วัน จะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ หอบ หายใจลำบาก
/2 หากประชาชน...
-2-
หากประชาชนรายใดมีอาการดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ปีก ได้แก่ ผู้เลี้ยง ผู้ชำแหละ ขนส่ง ขนย้าย ขายสัตว์ปีก หรือผู้ที่จับต้องสัตว์ปีกที่ป่วยหรือซากสัตว์ปีก ให้รีบไปพบแพทย์และบอกประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกให้แพทย์และพยาบาลทราบ อย่าปิดบังเด็ดขาด เนื่องจากจะมีผลเสียต่อการดูแลรักษา
สำหรับสถานการณ์การป่วยด้วยโรคไข้หวัดนกทั่วโลก ในปี 2551 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 10 กันยายน2551 นี้มีรายงานใน 5ประเทศได้แก่ จีน อียิปต์ อินโดนีเซีย เวียดนามและบังคลาเทศ ป่วยรวมทั้งหมด 36 ราย เสียชีวิต 28ราย โดยมากที่สุดที่ประเทศอินโดนีเซีย ป่วย 20 ราย เสียชีวิต 17 ราย รองลงมาคืออียิปต์ป่วย 7 ราย เสียชีวิต 3 ราย และประเทศเวียดนามป่วย 5 ราย เสียชีวิต 5 ราย
****************************** 2 พฤศจิกายน 2551
View 13
02/11/2551
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ