ยูเอ็นเอดส์ นำโครงการถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ของไทย ขยายผลที่กัมพูชา เวียดนาม จีน

ผู้อำนวยการบริหารโครงการเอดส์สหประชาชาติ ชื่นชมไทยที่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ อันเป็นผลจากนโยบายโครงการถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยได้นำรูปแบบของไทยไปใช้ในประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ผลดีมาก กำลังขยายผลในเวียดนามและจีน และเชิญไทยเข้าประชุมผู้นำนโยบายแก้ไขปัญหาเอดส์กับวัณโรค ซึ่งจะจัดขึ้นในกลางเดือนหน้าที่สหรัฐอเมริกา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำคณะผู้บริหารระดับสูง ประกอบด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการควบคุมป้องกันโรค และคณะ เข้าพบกับนายแพทย์ปีเตอร์ ปีอ็อต ผู้อำนวยการโครงการเอดส์สหประชาชาติ เพื่อหารือความร่วมมือแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ประเทศสมาพันธรัฐสวิส ระหว่างการประชุมสมัชอนามัยโลก สมัยที่ 61 ว่า ในการหารือกันครั้งนี้ ผู้อำนวยการบริหารโครงการเอดส์สหประชาชาติ ได้แสดงความชื่นชมไทยที่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาเอดส์ได้ดี โดยเฉพาะการเป็นผู้นำโครงการถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ โดยโครงการเอดส์ฯ ได้นำรูปแบบของไทยไปดำเนินการในประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ผลดีมาก ทำให้อัตราการติดเชื้อลดลง กำลังขยายผลในเวียดนามและจีน นายชวรัตน์ กล่าวต่อว่า ในการหารือครั้งนี้ ยังได้เชิญไทยเข้าร่วมประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านแก้ไขปัญหาเอดส์และวัณโรค ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงวันที่ 9-11 มิถุนายนนี้ ซึ่งไทยตอบรับจะเข้าร่วมประชุมแน่นอน ทั้งนี้นายแพทย์ปีเตอร์ ปีอ็อต ยังได้ขอบคุณประเทศไทย ที่ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการบริหารโครงการโรคเอดส์สหประชาชาติเป็นเวลา 2 ปี สามารถผลักดันมาตรการแก้ไขปัญหา รวมทั้งได้แนวทางประเมินองค์กร และแนวทางเลือกตั้งผู้อำนวยการโครงการยูเอ็นเอดส์ เพื่อทำหน้าที่บริหารโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขอบคุณที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการเอดส์สหประชาชาติ ครั้งที่ 22 ที่เชียงใหม่ เป็นที่ชื่นชมและประทับใจของประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุม ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์เอดส์ล่าสุดในปลายปี 2550 ยูเอ็นเอดส์รายงานว่าทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเอดส์กว่า 33 ล้านราย มีผู้ติดชื้อรายใหม่ปีละ 2.5 ล้านราย หรือ ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนาทีละ 5 ราย ลดลงกว่าช่วงปี 2549 ร้อยละ 16 ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ปีละ 2.1 ล้านราย เฉลี่ย นาทีละ 4 ราย ซึ่งร้อยละ 80 เป็นผู้ใหญ่ โดยในทวีปเอเชียมีผู้ติดเชื้อเอดส์เกือบ 5 ล้านราย มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากอัฟริกา โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละ 440,000 ราย เสียชีวิต 300,000 ราย ประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อลดลง ได้แก่ ไทย กัมพูชาและพม่า นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวอีกว่า โรคที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญที่ตามมากับโรคเอดส์คือ วัณโรค ซึ่งเป็นโรคฉวยโอกาสที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีระบบภูมิต้านทานโรคในร่างกายต่ำอยู่แล้ว ในส่วนของไทยก็กำลังประสบปัญหาเช่นกัน ทั้งจากโรคเอดส์และจากแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย โดยพบว่าในผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ติดเชื้อวัณโรคร่วมด้วยร้อยละ 31 ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเน้นหนักให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด ควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของวัณโรคอย่างเข้มข้น เน้นการรักษาครอบคลุมผู้ป่วยทุกคน เป็นตัวชี้วัดหนึ่งของการพัฒนาสาธารณสุข โดยให้โรงพยาบาลทุกแห่งเพิ่มบริการตรวจเชื้อวัณโรคในผู้ติดเชื้อเอดส์ที่เข้ารับบริการยาต้านไวรัสเอดส์ และให้การรักษาทันทีเมื่อพบการติดเชื้อให้หายขาด ไม่เป็นแหล่งแพร่เชื้อวัณโรคสู่คนอื่นๆ *****************21 พฤษภาคม 2551