รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งเครื่องผู้บริหาร ข้าราชการทุกคนทำงานเพื่อประชาชนที่เจ็บป่วย โดยเตรียมขยายบริการผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ให้ได้รับบริการเหมาะสมถ้วนหน้า ทั้งการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม การล้างไตทางช่องท้อง และการผ่าตัดเปลี่ยนไต สั่งการให้ผู้ตรวจราชการและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศสำรวจคนป่วยเป็นการด่วน
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแต่งตั้งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาคนใหม่ แทนนายแพทย์ชาตรี บานชื่น ที่ยื่นใบลาออกเมื่อวานนี้ (3 มีนาคม 2551) ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เลือกใคร จะต้องหารือกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอยู่ระหว่างไปราชการต่างประเทศ และยังไม่มีนโยบายย้ายข้าราชการตำแหน่งอื่นๆ ในการโยกย้ายจะดำเนินการเฉพาะในส่วนที่มีปัญหา ส่วนผู้ที่ทำงานดี มีผลงานเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็จะสนับสนุนให้ทำงานดียิ่งขึ้นต่อไปอีก เพราะกระทรวงสาธารณสุขมีแพทย์ทำงาน เป็นผู้มีวุฒิภาวะสูงอยู่แล้ว มั่นใจว่าหากมอบหมายให้ไปปฏิบัติงานในตำแหน่งใด ก็สามารถรับผิดชอบหน้าที่ได้ดี การโยกย้ายเป็นเรื่องปกติของการทำงานราชการ เพื่อความเหมาะสม ตามความรู้ความสามารถแต่ละบุคคล จึงขอให้ผู้บริหาร ข้าราชการทุกคน ช่วยกันทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน
การย้ายนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล จากเลขาธิการ อย. ไปเป็นผู้ตรวจราชการไม่ใช่เป็นการลงโทษ ตำแหน่งนี้สำคัญมาก ต้องการคนไฟแรงเพราะเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขสู่ระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม จึงต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูง มีความละเอียดรอบคอบในการทำงาน ต้องกำกับดูแลงานในพื้นที่ซึ่งเป็นงานหนัก ต้องออกพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อศึกษาปัญหาและนำมาขับเคลื่อนเป็นนโยบายแก้ไขปัญหาสุขภาพในภาพรวม ให้ประชาชนมีสุขภาพดี ตามนโยบายอยู่ดีมีสุข
นายไชยากล่าวต่อว่า งานที่จะเร่งดำเนินการต่อไปคือ การบริการผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ซึ่งเป็นโรคที่ทุกข์ทรมานมาก คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นมากเพราะกินเค็ม กินอาหารรสจัด ขณะนี้บริการรักษามี 3 วิธีคือ การฟอกด้วยเครื่องไตเทียม การล้างไตทางช่องท้อง และการผ่าตัดเปลี่ยนไต ที่ผ่านมาผู้ป่วยต้องเดินทางไปฟอกไตที่กรุงเทพฯ ใช้เวลาครั้งละ 3-4 ชั่วโมง อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ทำให้เสียเงิน เสียเวลาเดินทางมาก แต่ต่อไปนี้จะเพิ่มเครื่องไตเทียมไปต่างจังหวัดให้มากขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้ฟอกไตใกล้บ้าน ประหยัดค่าเดินทาง
ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศและผู้ตรวจราชการทุกเขต สำรวจผู้ป่วยโรคไตในพื้นที่ เพื่อจัดหาเครื่องฟอกไตเทียมให้เพียงพอ โดยจะประสานการจัดซื้อเครื่องรวมผ่านทางมูลนิธิโรคไต ซึ่งสามารถซื้อได้ในราคาถูกเครื่องละประมาณ 4.5 แสนบาท แต่หากกระทรวงฯ จัดซื้อเองจะตกประมาณ 5 แสนกว่าบาท วิธีนี้จะได้จำนวนเครื่องมากขึ้น ซึ่งต่อวันสามารถฟอกได้ 2-3 คน แต่หากมีเครื่องมากก็จะให้บริการได้เร็วขึ้น อาจจะได้เครื่องละ 4 คน โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งอบรมพยาบาลประจำหน่วยไตเทียม เป็นเวลา 4 เดือน
สำหรับค่าบริการฟอกไตด้วยเครื่องไตเทียม ขณะนี้สามารถลดราคาลงจากเดิมครั้งละ 4,000 บาท เหลือเพียง 1,000-1,200 บาท ส่วนการล้างไตทางหน้าท้องและการผ่าตัดเปลี่ยนไต สามารถใช้สิทธิในโครงการ 30 บาทได้ โดยบริการทั้ง 3 อย่างนี้ ได้ให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร่วมกับผู้ตรวจราชการจัดระบบบริการให้เหมาะสมกับผู้ป่วยในพื้นที่ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่ดีที่สุด ไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
********************************* 4 มีนาคม 2551
View 11
04/03/2551
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ