กระทรวงสาธารณสุข ให้ทีมแพทย์โรงพยาบาลพะเยาดูแลเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติการนำส่งผู้บาดเจ็บใกล้ชิด กำชับมาตรการความปลอดภัยรถพยาบาล ไม่ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาดเข็มขัดนิรภัย และเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในโรงพยาบาล โดยเฉพาะห้องฉุกเฉิน

          วันนี้ (14 เมษายน 2562) นายแพทย์ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีรถกู้ชีพของเทศบาลตำบลบ้านถ้ำประสบอุบัติเหตุชนเสาไฟฟ้า ที่อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยและผู้ป่วยเสียชีวิต 3 ราย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้พักรักษาตัวที่ตึกศัลยกรรมกระดูกชาย โรงพยาบาลพะเยา ได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บที่สะโพก รู้สึกตัวดี ได้กำชับให้ทีมแพทย์ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด โดยทีมกู้ชีพเทศบาลตำบลบ้านถ้ำเป็นหน่วยปฏิบัติการระดับพื้นฐาน (Basic Life Support หรือ BLS) ที่ขึ้นทะเบียนในเครือข่ายระบบการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดพะเยา และอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ได้ออกไปรับผู้บาดเจ็บที่จุดเกิดเหตุ และประสานงานกับศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ จังหวัดพะเยา โรงพยาบาลดอกคำใต้เป็นระยะ เพื่อส่งต่อผู้บาดเจ็บให้กับรถพยาบาลของโรงพยาบาลดอกคำใต้ที่ออกปฏิบัติการร่วมกัน

          “ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเสียสละ ทั้งเวลา และความสุขสบายส่วนตน มาทำงานเป็นอาสาสมัคร เป็นเครือข่ายที่สำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ในการดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ผู้เจ็บป่วย โดยไม่หวังผลตอบแทน อย่างไรก็ดี ขณะออกปฏิบัติการขอให้คำนึงถึงความปลอดภัย และระมัดระวังในการขับขี่ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนซึ่งทัศนวิสัยไม่ดี เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และการเสียชีวิตซึ่งเป็นความสูญเสียที่ไม่สามารถประเมินค่าได้” นายแพทย์ประพนธ์กล่าว

              นายแพทย์ประพนธ์กล่าวต่อว่า ได้เน้นย้ำให้โรงพยาบาลในสังกัด เข้มการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยของรถพยาบาล  โดยปฏิบัติตามกฎจราจร ไม่ขับรถเร็วเกิน 80 กม./ชม. หรือไม่เกินที่กฎหมายกำหนด  ผู้ขับขี่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด รถพยาบาลทุกคันติดตั้งอุปกรณ์ GPS ควบคุมความเร็ว และติดตั้งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ บุคลากรในรถขอให้คาดเข็มขัดนิรภัย และไม่ทำหัตถการขณะรถเคลื่อนที่ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในรถพยาบาล รวมทั้ง ในช่วงนี้มีข่าวกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทและเข้ามาทำร้ายกันในโรงพยาบาล จึงขอให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะห้องฉุกเฉิน จัดระบบการเข้า-ออก มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างสะดวก ผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว รวมทั้งประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องปราม ระงับเหตุ และดำเนินคดีกับกลุ่มที่มาก่อเหตุทะเลาะวิวาทในพื้นที่โรงพยาบาล

******************************************  14 เมษายน 2562

 



   
   


View 1361    14/04/2562   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ