รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งระดมหน้ากากอนามัย 3 แสนชิ้น แจกให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ผู้อายุ เด็ก ผู้ป่วยโรคปอด โรคภูมิแพ้ ป้องกันภัยอันตรายจากการสูดฝุ่นละอองควันไฟ ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และให้โรงพยาบาลทุกแห่งตรวจบริการประชาชนฟรี และให้ทุกจังหวัดศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ แม่ฮ่องสอน และพะเยา ซึ่งมีประมาณกว่า 5 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองควันไฟจาการเผาป่า และขยะ ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ที่เกินขนจมูกจะกรองดักเอาไว้ได้ และมีปริมาณสูงเกินมาตรฐาน จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะปอด และระคายเคืองตาได้ ในวันนี้( 13 มีนาคม 2550 ) ได้รับรายงานผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นในรอบ 24 ชั่วโมง เวลา 9.30 น. ยังสูงกว่ามาตรฐาน ที่จังหวัดเชียงใหม่บริเวณศูนย์ราชการวัดได้ 284 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยวัดได้ในรอบ 10 วัน ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยวัดได้ 274 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่อ.เมือง จ.ลำปางวัดได้ 192 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องประสานกระทรวงเกษตรฯ ให้ทำฝนเทียมโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะวิกฤติคือให้ฝุ่นไม่เกิน 300 โครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะมีผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปด้วย ไม่เฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น และอาจมีผลอาจทำให้ขาดออกซิเจนบางส่วน ซึ่งที่ผ่านมาในไทยยังไม่มีการเสียชีวิตจากฝุ่นละอองไฟป่า
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว แจกหน้ากากอนามัย เพื่อให้ประชาชนใส่ป้องกันการสูดฝุ่นละอองเข้าปอด โดยเน้นที่กลุ่มเสี่ยงอันตรายก่อนได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด โรคปอด เป็นการด่วน และให้ทุกจังหวัดศึกษาผลกระทบของฝุ่นละอองต่อสุขภาพในระยะยาว เพื่อวางแผนป้องกันในอนาคต หากประชาชนเจ็บป่วยในช่วงนี้เช่น ไอ เจ็บคอ แสบตา หายใจไม่สะดวก สามารถขอรับบริการได้ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านฟรี และที่สำคัญหากไม่จำเป็น ขอให้ประชาชนอยู่ในอาคารบ้านเรือน โดยในวันนี้ได้มอบหมายให้นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนร่วมเดินทางเพื่อตรวจสภาพหมอกควันที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ และประชุมร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง
ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้เดินทางมาพร้อมกับนายแพทย์กำจัด รามกุล ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และนายแพทย์สมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเฝ้าระวังโรคจากสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งหน้ากากอนามัยให้พื้นที่อีก 170,000 ชิ้นจากเมื่อวันก่อนนี้ส่งไปแล้ว 130,000 ชิ้น รวมเป็น 300,000 ชิ้น ในเบื้องต้นจะส่งให้ 8 จังหวัด จังหวัดละประมาณ 4 หมื่นชิ้น โดยกระจายไปตามสถานีอนามัยต่างๆ และขอความร่วมมือ อสม.ให้ดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการวางแผนการเฝ้าระวังรวมทั้งจัดระบบการติดตามผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการประเมินผลกระทบทางสุขภาพในระยะเบื้องต้นนี้ มีผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจเข้ารักษาตัวเพิ่มขึ้นประมาณแห่งละ 10-20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2549 ซึ่งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะเป็นผู้ป่วยที่ไม่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล โดยฝุ่นละอองนี้จะขับออกมาเองได้พร้อมเสมหะ โดยการไอ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีอาการแสบตา ระคายเคืองตา อย่าขยี้ตา และไม่จำเป็นต้องซื้อยาหยอดตามาหยอด เนื่องจากฝุ่นจะถูกขับออกมาตามธรรมชาติกับน้ำตา หายเองได้ การซื้อหยอดตาเองเสี่ยงอันตรายเพราะไม่ใช่การติดเชื้อโรค การป้องกันที่ดีควรใส่หน้ากากอนามัยหรือผ้า 2-3 ชั้น ชุบน้ำหมาด ๆ ปิดจมูกเมื่อจำเป็นต้องออกนอกบ้าน และใส่หมวกกันน็อคที่มีหน้ากาก หรือใส่แว่นตากันลมกันฝุ่นเข้าตาหากต้องขับรถมอเตอร์ไซด์ ลดหรืองดการสูบบุหรี่ลง เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานร่างกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
************************** 13 มีนาคม 2550
View 16
13/03/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ