กรมอนามัย ถอดบทเรียนภัยพิบัติ ยกระดับทีม SEhRT และการจัดการศูนย์พักพิง สร้างระบบสุขภาพเข้มแข็งรองรับภาวะฉุกเฉิน
- กรมอนามัย
- 30 View
- อ่านต่อ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยกระดับทีม SEhRT การจัดการศูนย์พักพิง จากการถอดบทเรียนภัยพิบัติน้ำท่วมใต้ สู่ชายแดนไทย – กัมพูชา รับนโยบาย รมว.สธ. วางระบบฟื้นฟูการดูแลสุขภาพ สุขอนามัย และสุขาภิบาลให้กับประชาชนในศูนย์พักพิงเข้มข้น พร้อมคัดครองกลุ่มเปราะบางลดผลกระทบในภาวะฉุกเฉิน และการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ถือเป็นการยกระดับ Health Literacy ของประชาชนเพื่อรองรับภาวะฉุกเฉิน

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากการที่กรมอนามัยลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ช่วงภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา นับเป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม จากนโยบายของนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องการให้มีระบบด้านสุขภาพและสุขาภิบาลที่เข้มแข็งและพร้อมรองรับในทุกสถานการณ์ โดยย้ำว่าภัยพิบัติอาจเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ ทั้งโรคระบาด ภัยธรรมชาติ และสถานการณ์ที่เกิดจากมนุษย์ จึงต้องมีการประสานทุกหน่วยงานแบบบูรณาการ เพื่อระดมความช่วยเหลือและการเฝ้าระวังสุขาภิบาลอาหารและน้ำ และอนามัยสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ สะท้อนถึงบทเรียนสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างบุคลากรสาธารณสุข หน่วยงานในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และลดความเสี่ยงด้านสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายแพทย์นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากลงพื้นที่ของทีม SEhRT พบแนวทางเพื่อนำกลับมาพัฒนารูปแบบการปฏิบัติงานของทีม SEhRT อาทิ การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในศูนย์พักพิง ที่ต้องเร่งสื่อสารให้ความรู้ถึงมาตรฐานน้ำที่สะอาดปลอดภัย วิธีปรับปรุงน้ำใช้ในภาวะฉุกเฉิน ปัญหาขยะจากน้ำท่วมในภาคใต้ยังสะท้อนถึงความจำเป็นของการจัดการและคัดแยกขยะ เพื่อลดแหล่งเพาะโรคกลิ่น และแมลง รวมถึงต่อยอดไปสู่การลดใช้พลาสติก การปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์พักพิงอย่างใกล้ชิด โดยเน้นการควบคุมสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและป้องกันโรคเป็นอันดับแรก รวมถึงความปลอดภัยของน้ำดื่มน้ำใช้ การจัดการขยะและสิ่งปฏิกูล การสุขาภิบาลอาหาร การป้องกันสัตว์และแมลงนำโรค และการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อที่เกิดจากน้ำและอาหาร การสนับสนุนสิ่งของและอุปกรณ์สุขาภิบาลที่จำเป็น เช่น ชุด V-Clean คลอรีนฆ่าเชื้อ ชุด Sanitation Tool Kit หน้ากากอนามัย และสบู่ล้างมือ รวมถึงให้ความรู้ด้านสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนเพื่อป้องกันโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้น

แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้พิการ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังในศูนย์พักพิงที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โดยมีระบบคัดกรองและขึ้นทะเบียนตั้งแต่แรกเข้า การดูแลด้านโภชนาการและสุขาภิบาล การเฝ้าระวังสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ที่นำระบบ Triage (สีเขียว-เหลือง-ส้ม-แดง) มาใช้คัดกรองความเสี่ยงเพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนดจากภาวะความเครียดและจัดระบบส่งต่อกรณีฉุกเฉิน การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง รวมถึงดูแลด้านสุขภาพจิตของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสในการยกระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ของประชาชน ให้สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และมีคุณภาพชีวิตที่ดี นำไปสู่ “ชุมชนที่เข้มแข็งและยืดหยุ่นต่อวิกฤต” (Community Resilience) พร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในอนาคต
***
กรมอนามัย / 25 ธันวาคม 2568
