คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ เห็นชอบแผนขับเคลื่อนสมุนไพร “ไพล กระชายดำ กระท่อม” เป็น Herb of the year เพิ่มการใช้สร้างรายได้และส่งออกต่างประเทศ พร้อมรุกส่งเสริมสมุนไพรในตลาดต่างประเทศผ่านการนวดไทยด้วย Key Message “Think Wellness , Think Thai Herb” เตรียมเปิดตัวในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม นี้

วันนี้ (9 มิถุนายน 2568) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานอนุกรรมการที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายฯ และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมประชุม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายมุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพและบริการทางการแพทย์ พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยสู่ระดับสากล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนนโยบายมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกำหนดจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 ณ ฮอลล์ 11 - 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นช่องทางหนึ่งในการยกระดับและแสดงศักยภาพการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยให้มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับนานาชาติ สำหรับที่ประชุมในวันนี้ได้มีมติเห็นชอบในประเด็นต่างๆ อาทิ แผนขับเคลื่อนสมุนไพร Herb of the year ระยะ 1 ปี ได้แก่ ไพล กระชายดำ และกระท่อม โดย “ไพล” มีเป้าหมายส่งเสริมการใช้ไพลควบคู่กับการขับเคลื่อนสปา wellness และกีฬา รวมถึงสร้างการยอมรับและความเชื่อมั่นในระบบบริการสุขภาพ “กระชายดำ” มีสรรพคุณในการลดไขมันในช่องท้อง คาดว่าจะเกิดมูลค่าการใช้เพิ่มขึ้น 305 ล้านบาท/ปี ด้านการส่งเสริมภาพลักษณ์ของกระชายดำในส่วนโภชนาการสำหรับนักกีฬา (Sport Nutrition) คาดว่าจะมีการใช้เพิ่มขึ้น 250 ล้านบาท/ปี และด้านความงาม (Anti-aging) คาดว่าจะมีการใช้เพิ่มมากขึ้นถึง 74 ล้านบาท/ปีส่วน “กระท่อม” มีแผนในการพัฒนา วิจัย และดำเนินการรวม 33 โครงการ ต่อยอดสู่การนำไปใช้ทางการแพทย์ทั้งตำรับยาอดยาบ้า และยาแก้ปวดเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งคาดว่าจะเกิดมูลค่าจากการนำไปใช้ถึง 900 ล้านบาท รวมถึงมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนการส่งเสริมสมุนไพรในตลาดต่างประเทศ ซึ่งภาพรวมอุตสาหกรรม Wellness ในปี 2566 มีมูลค่ารวม 6.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นอุตสาหกรรมสปา 191,348 แห่ง สร้างรายได้รวมประมาณ 137 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนประเทศไทยสามารถสร้างรายได้จากตลาดสปาในประเทศ ในปี 2566 ได้ 1.78 พันล้านเหรียญสหรัฐ จึงมีแผนประชาสัมพันธ์การนวดไทยในต่างประเทศและส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบสมุนไพรไทยผ่าน Key Message “Think Wellness , Think Thai Herb” ซึ่งจะมีการเปิดตัวในวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ณ งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ รวมทั้งได้เห็นชอบในหลักการ “แผนดำเนินการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมด้านสมุนไพรไทย”

 

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการแก้ปัญหาราคาแอลกอฮอล์เพื่อสนับสนุนการแปรรูปสมุนไพร โดยใช้กลไกการแก้ปัญหาแบบถาวร คือ การกำหนดนิยามให้เป็นเภสัชเคมีภัณฑ์ในการเตรียมสารสกัดและยา ทำร่างกฎหมายของตัวทำละลายสารสกัดสมุนไพร และยกร่างกฎหมายเพื่อให้แอลกอฮอล์เภสัชเคมีภัณฑ์อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 ส่วนกลไกการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติสนับสนุนผู้ประกอบการผ่าน “โครงการสนับสนุนเงินอุดหนุนสำหรับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ตัวทำละลายสารสกัดสมุนไพร” รวมถึงแนวทางในการนำแอลกอฮอล์ไปผลิตในอุตสาหกรรมอื่นเพื่อเร่งรัดส่งเสริมอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมสมุนไพร อุตสาหกรรมเครื่องสำองค์และสมุนไพรสกัด และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงอุตสาหกรรม S-Curve โดยอนุญาตให้นำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมดังกล่าวได้ในระยะแรก และจะพิจารณาส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพและอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพในระยะต่อไป

***************************************** 9 มิถุนายน 2568

 



   
   


View 210    09/06/2568   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ