“สมศักดิ์” ยกเคสหนุ่มทำร้ายพยาบาลถูกศาลสั่งกักขัง-จ่ายสินไหม เป็นบทเรียนเตือนสติ อย่าก่อเหตุใช้ความรุนแรงใน รพ.
- สำนักสารนิเทศ
- 1473 View
- อ่านต่อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยกเคสหนุ่มตบพยาบาลถูกศาลพิพากษากักขัง 1 เดือน 15 วันจ่ายค่าสินไหมอีก 7.7 หมื่นบาท เป็นบทเรียน “คนหัวร้อน” อย่าใช้ความรุนแรงในสถานพยาบาล ขอทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการสื่อสารอย่างเข้าอกเข้าใจ หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ ลดความเสี่ยงการปะทะ ย้ำกระทรวงฯ เอาจริงดำเนินคดีผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมย้ำผู้บริหารทุกโรงพยาบาลทบทวนมาตรการดูแลความปลอดภัยบุคลากรทางการแพทย์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมานพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 ได้นำ นพ.สุรวิทย์ ศักดานุภาพนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง พร้อมด้วย นพ.ภูษิต ทรัพย์สมพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระยองและพยาบาลวิชาชีพประจำ ICU โรงพยาบาลระยอง ที่ถูกญาติผู้ป่วยทำร้ายร่างกาย เหตุจากไม่ให้ญาตินำเด็กเล็กเข้าเยี่ยมผู้ป่วยติดเชื้ออาการรุนแรงในห้อง ICU เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยของเด็ก เข้าพบตน และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรายงานความคืบหน้าการดำเนินการทางคดี โดยศาลแขวงระยองได้มีคำพิพากษาตัดสินเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือได้กระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ พิพากษาให้จำคุก 3 เดือน แต่คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง ให้คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน โดยไม่มีเหตุรอการลงโทษ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน มีกำหนด 1 เดือน 15 วัน พร้อมให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้อง 77,273 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 นับแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568
“เรื่องนี้ถือเป็นอุทาหรณ์ว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่ให้การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทหรือทำร้ายร่างกายในสถานพยาบาลเป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง และกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ขอให้ทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการสื่อสารกันอย่างเข้าอกเข้าใจ ด้วยเหตุผล หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ที่จะนำไปสู่การขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ จนเกิดการกระทบกระทั่งกันได้ ขอให้คิดไว้เสมอว่าทุกเรื่องสามารถพูดคุยหาทางออกกันได้ได้โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญอย่างมาก ได้มีการกำชับให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกแห่งให้ความสำคัญและดูแลความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์อย่างเต็มที่ มีการทบทวนมาตรการดูแลความปลอดภัยและป้องกันการเกิดเหตุความรุนแรง เช่น ด้านอาคารสถานที่ ให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด จัดระบบควบคุมประตูเข้าออกจากที่พักคอยของญาติให้มีความเหมาะสม ด้านการรักษาความปลอดภัย ให้จัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง ติดตั้งสัญญาณเตือนภัย ประสานเจ้าพนักงานตำรวจตรวจตราพื้นที่เป็นระยะ และหากเกิดเหตุการณ์ใช้ความรุนแรง ให้ใช้มาตรการด้านกฎหมายดำเนินคดีอาญากับผู้ก่อเหตุอย่างเด็ดขาด
*********************************************** 22 มีนาคม 2568