วันนี้ (17 มีนาคม 2568) นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี แพทย์หญิงอัมพร  เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย และคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข                                                                                                                                              นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติในวันนี้ เป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการฯ   เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบต่อเรื่องเพื่อพิจารณา 4 เรื่อง ดังนี้ 1) ให้เสนอร่างวาระแห่งชาติ ประเด็นส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ เพื่อพัฒนาประชากรและทุนมนุษย์ต่อคณะรัฐมนตรี 2) ให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ และคณะอนุกรรมการ  ที่ปรึกษาด้านวิชาการอนามัยการเจริญพันธุ์และประชากร โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้แทนจากภาคส่วน  ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ 3) เตรียมยกร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2571 – 2575)  และ 4) เสนอให้กำหนดประเด็นส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพเป็นนโยบายกระทรวงสาธารณสุข

           ทางด้าน แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึง สถานการณ์ด้านประชากร พบว่า จำนวนการตายมากกว่าการเกิด เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยในปี 2566 จำนวนการเกิด เหลือเพียง 462,240 คน จำนวนการตาย 571,646 คน และจำนวนบุตรโดยเฉลี่ย ลดลงจาก 6 คนเหลือเพียง 1.12 คน การลดลงของจำนวนประชากร คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีก อย่างน้อย 15 - 20 ปีจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุข จำเป็นต้องส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพต่อไป เพราะการมีบุตรได้ตามต้องการเป็นสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ และเป็นมาตรการเดียวในขณะนี้ที่สามารถวัดประสิทธิภาพได้ กรมอนามัยจึงร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พัฒนาคุณภาพการจัดบริการคลินิกส่งเสริมการมีบุตร ระดับที่ 1 ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อให้คำปรึกษาในการวางแผนครอบครัว เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ และลดความเสี่ยงในการมีบุตร โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีโรคประจำตัว โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคทางพันธุกรรม คลินิกส่งเสริมการมีบุตร ระดับที่ 2 มุ่งเน้นการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) ให้ครบทุกจังหวัด ขณะนี้ดำเนินการแล้ว 64 จังหวัด คลินิกส่งเสริมการมีบุตร ระดับที่ 3 ให้บริการทำเด็กหลอดแก้ว มดลูก (IVF)  ให้ครบทุกภาค ขณะนี้มีคลินิกเปิดให้บริการแล้ว 3 ภาค คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย ภายในปี 2568

***

กรมอนามัย / 17 มีนาคม 2568

 



   
   


View 21    17/03/2568   ข่าวในรั้ว สธ.    กรมอนามัย