รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ห่วงถังใส่กระดาษชำระในห้องส้วม หวั่นเป็นจุดแพร่โรค ชี้ไม่จำเป็นต้องมี หากจะมีควรมีเฉพาะห้องส้วมสุภาพสตรี พร้อมทั้งออกนโยบายพัฒนาส้วมโรงหมอทั่วไทย สถานีอนามัยในสังกัดต้องสะอาดปลอดภัย ไร้กลิ่นโชย ทุกแห่งภายในปี 2552 พร้อมเป็นโชว์รูมแก่ชาวบ้าน ชุมชน สัมผัสได้จริง และยึดเป็นแบบอย่างความสะอาด ปรับใช้ในครัวเรือนด้วย
วันนี้ (5 ตุลาคม 2550) นายแพทย์มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้บริหารระดับสูง ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และโรงพยาบาลเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และมอบนโยบายการพัฒนาส้วมของโรงพยาบาล ให้เป็นส้วมอนามัย มีความสะอาด ปลอดภัย ไร้กลิ่นเหม็น และประการสำคัญที่สุดจะต้องไม่เป็นแหล่งแพร่โรคสู่สิ่งแวดล้อมโดยรอบด้วย
นายแพทย์มรกตกล่าวว่า ส้วมเป็นปัจจัยจำเป็นขั้นพื้นฐานในการรองรับเก็บกักสิ่งปฏิกูลที่ขับจากร่างกายคน ขณะนี้ไทยเป็นตัวอย่างของประเทศกำลังพัฒนาที่มีส้วมครอบคลุมทุกครัวเรือนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่จะต้องเร่งพัฒนาให้สมบูรณ์แบบต่อไป คือมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย ขณะนี้กรมอนามัย อยู่ระหว่างเร่งพัฒนาส้วมสาธารณะทั่วประเทศให้เข้าเกณฑ์มาตรฐาน คาดว่าในปีหน้านี้จะครอบคลุมได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
เท่าที่ตรวจดูส้วมหลาย ๆ แห่ง จุดที่น่าเป็นห่วงในห้องส้วม คือถังที่ใส่กระดาษชำระที่ใช้แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องมี เนื่องจากกระดาษชำระสามารถทิ้งลงในโถส้วมได้ เพราะเปื่อยยุ่ยง่าย ไม่ทำให้ส้วมอุดตัน หากจะมีถังใส่ขยะในห้องส้วม ควรมีเฉพาะในห้องส้วมของผู้หญิง เพื่อใช้ใส่ผ้าอนามัย โดยต้องใช้วัสดุแข็งแรง ไม่รั่วซึม และมีฝาปิดมิดชิด ป้องกันแมลงวันตอม ซึ่งเป็นพาหะนำเชื้อโรคระบบทางเดินอาหารไปแพร่ ปนเปื้อนอาหารและน้ำดื่ม ได้สั่งการให้กรมอนามัยเร่งเผยแพร่สร้างความเข้าใจความรู้ประชาชนให้เข้าใจแล้ว นายแพทย์มรกตกล่าว
นายแพทย์มรกตกล่าวต่อว่า ในส่วนของส้วมในสถานพยาบาลทุกระดับทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน จะต้องเน้นความสะอาดปลอดภัยเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ใช้ร่วมกันระหว่างผู้ป่วยกับญาติที่มาเยี่ยม หรือประชาชนที่ใช้บริการอย่างอื่น เช่นในโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ จะมีคนเข้าไปใช้บริการหมุนเวียนวันละไม่ต่ำกว่า 10,000 คน จึงมีนโยบายให้โรงพยาบาลทุกแห่งให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และต้องการให้เป็นโชว์รูมส้วมอนามัย แก่ประชาชนที่ใช้บริการได้สัมผัสจริง และนำไปเป็นแบบอย่างความสะอาดส้วมที่บ้านด้วย ซึ่งหากทุกหลังทำได้ มั่นใจว่าจะลดการป่วยจากโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่นโรคอุจจาระร่วงที่พบว่ามีผู้ป่วยปีละนับล้านรายลงได้มาก
ทั้งนี้ ในปี 2550 นี้ ได้ตั้งเป้าให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขซึ่งมีกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ ส้วมต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย เพียงพอ ไม่มีกลิ่นเหม็นรบกวน อย่างน้อยร้อยละ 60 ขณะนี้ผ่านเกณฑ์แล้ว 378 แห่ง มีหลายแห่งที่ได้รับรางวัลส้วมสะอาดระดับประเทศน่าชมเชย เช่นที่โรงพยาบาลปราสาท จ.สุรินทร์ โดยที่เหลือจะให้ผ่านเกณฑ์ภายในปี 2551 ขณะเดียวกันจะขยายโครงการพัฒนาส้วมที่สถานีอนามัย และศูนย์สุขภาพชุมชนทุกแห่ง ซึ่งมีทั่วประเทศกว่า 9,000 แห่ง ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50 และให้ครบทั้งหมดภายในพ.ศ. 2552 เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ชาวบ้านในชุมชนที่อยู่ในความดูแลของสถานบริการนั้นๆด้วย
*********************************** 5 ตุลาคม 2550
View 8
05/10/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ