รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศ ปี 2560 เป็น “ปีแห่งการบริโภคผักผลไม้ปลอดภัย” ผนึกกำลัง เกษตร-สสส. พัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตผักและผลไม้สดปลอดภัย  แนะ วิธีล้างผักอย่างง่ายด้วยน้ำ-เบคกิ้งโซดา-น้ำส้มสายชู ลดการปนเปื้อนได้สูงถึงร้อยละ 95

วันนี้ (23 มกราคม 2560) ที่กระทรวงสาธารณสุข ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์เสรี ตู้จินดา ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประกาศให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการบริโภคผัก ผลไม้ปลอดภัย

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกลกล่าวว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้มีการบริโภคผักและผลไม้วันละ 400 กรัม ปริมาณที่เพียงพอเป็นประจำและจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ หัวใจขาดเลือด ร้อยละ 31 เส้นเลือดในสมองตีบ ร้อยละ 19 ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งกระเพาะอาหาร ร้อยละ 19 มะเร็งปอด ร้อยละ 12 มะเร็งลำไส้ใหญ่ ร้อยละ 2 เป็นต้น และจากการสำรวจสุขภาพประชาชน ครั้งที่ 5 ระหว่างปี 2557-2558 ใน 21 จังหวัด พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่รับประทานผักและผลไม้อย่างเพียงพอ

จากผลการคัดกรองความเสี่ยงได้ทำการเจาะเลือดกลุ่มเกษตรกรที่เป็นผู้สัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2555-2559 อยู่ที่ร้อยละ 33 และในปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 37 จะเห็นได้ว่าเกษตรกรมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยจากการสัมผัสสารเคมีสูงขึ้น เนื่องจากมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผักและผลไม้มากขึ้นทำให้ผักผลไม้ที่ขายในท้องตลาดมีสารเคมีตกค้างเพิ่มขึ้นด้วย

          กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรสหกรณ์ และ สสส.บูรณาการพัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตผักและผลไม้สดปลอดภัย ตั้งแต่ต้นน้ำ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควบคุมและลดปริมาณการใช้สารเคมีจากผู้ผลิตต้นทาง กลางน้ำ กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีมาตรการทางกฎหมาย โดยการปรับจำนวนรายการและค่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด ให้ครอบคลุมและสอดคล้องมาตรฐานสากล พัฒนาและยกระดับให้สถานที่ผลิต(คัดและบรรจุ)ผักและผลไม้สดมีระบบประกันคุณภาพ รวมถึงการบ่งชี้รุ่นการผลิตเพื่อการตามสอบย้อนกลับ ส่วนปลายทาง ร่วมกับสสส. ประสานเครือข่ายผู้ผลิต และสื่อสารองค์ความรู้ให้ผู้บริโภค เพื่อเข้าถึงผักและผลไม้สดที่มีคุณภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งศูนย์ความปลอดภัยอาหารทำงานร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา สสส. เพื่อให้มีฐานข้อมูลอาหารปลอดภัยที่เป็นชุดเดียวกัน รวมถึงข้อมูลความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดจากการบริโภคเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางสุขภาพ

สำหรับผู้บริโภคสามารถลดการตกค้างของสารเคมีในผักและผลไม้อย่างง่าย ด้วยการล้างน้ำไหลผ่านซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสม สะดวกที่ผู้บริโภคสามารถปฏิบัติได้ทุกสถานที่ โดยแกะกลีบ ใบ ตัดส่วนที่ไม่รับประทานออกหรือเคาะดินออกจากราก ก่อนนำไปล้างใช้ความแรงของน้ำพอประมาณ คลี่ใบผัก แล้วถูไปมาบนผิวใบของผัก ผลไม้ นานประมาณ 2 นาที  วิธีการนี้จะช่วยลดสารพิษได้ร้อยละ 25-65 นอกจากนี้ภัตตาคาร ร้านอาหารหรือผู้บริโภค ที่ซื้อผักมาในปริมาณที่มากการใช้น้ำไหลก็อาจสิ้นเปลือง สามารถใช้ทางเลือกอื่นที่เหมาะสม ได้แก่ 1.ล้างด้วยผงฟูหรือเบคกิ้งโซดา โดยผสมผงฟูครึ่งช้อนโต๊ะกับน้ำ10 ลิตร แช่ผักผลไม้ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ช่วยลดสารพิษได้ร้อยละ 95 และ2.ล้างด้วยน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด จะช่วยลดสารเคมีได้ร้อยละ 60-84ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ล้างไข่พยาธิในผักสดได้อีกด้วย  โดยปริมาณสารพิษตกค้างที่ลดลงจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารเคมีและปริมาณผัก ผลไม้ในแต่ละครั้งของการล้าง    

**************************** 23 มกราคม 2560

 

 



   
   


View 20    23/01/2560   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ