กระทรวงสาธารณสุข เตือนอันตรายจากการกินเมล็ดสบู่ดำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปี 2549 พบแล้วกว่า 100 ราย ใน 7 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยต่ำกว่า 10 ปี แหล่งสำคัญเป็นต้นสบู่ดำที่ปลูกอยู่ในโรงเรียน จึงควรให้ความรู้และเฝ้าระวังในกลุ่มเด็กเล็กเป็นพิเศษ แนะการช่วยเหลือเบื้องต้นหากพบผู้ป่วย ให้ดื่มนมมากๆ หรือทำให้อาเจียน แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
นายแพทย์มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐบาลสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกสบู่ดำ เพื่อนำมาสกัดเป็นไบโอดีเซลทดแทนน้ำมันดีเซล จึงมีการปลูกสบู่ดำกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในบ้าน โรงเรียนและพื้นที่แปลงเกษตร แต่ไม่ได้เตือนถึงอันตรายของสบู่ดำว่ากินไม่ได้ ทำให้มีรายงานผู้ที่ได้รับพิษจากการกินเมล็ดสบู่ดำจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะเด็กๆ ที่กินด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถูกชักชวนจากเพื่อนหรือรุ่นพี่ให้กิน เนื่องจากเมล็ดสบู่ดำมีรสมัน คล้ายเมล็ดบัวหรือถั่วลิสง
นายแพทย์มรกต กล่าวต่อว่า ในปี 2549 สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้รับรายงานมีผู้ได้รับพิษจากการกินเมล็ดสบู่ดำ ทั้งหมด 10 ครั้ง ใน 7 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น 4 ครั้ง อ่างทอง ชัยนาท กระบี่ สระแก้ว พิษณุโลก และราชบุรี จังหวัดละ 1 ครั้ง มีผู้ป่วยทั้งหมด 109 ราย โดย 2 ใน 3 ของผู้ป่วยเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี เมล็ดของสบู่ดำที่เด็กนำมากิน เป็นสบู่ดำที่ปลูกในโรงเรียนมากที่สุด 5 ครั้ง รองลงมาเป็น ในหมู่บ้าน 2 ครั้ง ในบ้าน 2 ครั้ง และเพื่อนนำมาให้ 1 ครั้ง เกือบทุกรายจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง ถ่ายเหลว ซึ่งความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณที่กิน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายใดที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต โดยกระทรวงสาธารณสุขจะส่งข้อมูลให้กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อร่วมมือกันป้องกันภัยจากสบู่ดำต่อไป
ด้านนายแพทย์สมยศ เจริญศักดิ์ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า ต้นสบู่ดำ ภาคเหนือเรียกว่า ละหุ่งฮั้ว ภาคอีสานเรียก มะเยา, สีหลอด ภาคใต้เรียก หงเทศ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มสูง 3-5 เมตร มียางเหนียวสีเหลือง ผลมีรูปรี ผิวเรียบ ผลอ่อนเป็นสีเขียว ผลแก่จะมีสีเหลืองแล้วเป็นสีน้ำตาลดำ เมื่อแก่จัดจะแตกเป็น 3 พู แต่ละพูมี 1 เมล็ด โดยสบู่ดำมีสรรพคุณใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาแผนไทย แต่ต้องใช้โดยผู้ที่มีความรู้ ส่วนน้ำมันจากเมล็ดสบู่ดำ สามารถนำมาเข้ากระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เป็นไบโอดีเซลทดแทนน้ำมันดีเซลได้
นายแพทย์สมยศ กล่าวต่อว่า ทุกส่วนของสบู่ดำ ทั้งใบ ยาง ผล และเมล็ด มีความเป็นพิษ โดยเฉพาะเมล็ดสบู่ดำ จากการทดลองในหนูถีบจักร พบว่ามีพิษเฉียบพลัน ทำให้หนูตายเนื่องจากการคั่งในหลอดเลือด เลือดออกในลำไส้ใหญ่และปอด สำหรับในคน หากกินเมล็ดและน้ำมันเข้าไปประมาณ 30-60 นาที จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด ในรายที่อาการรุนแรง อาจมีอาการมือและเท้าเกร็ง หายใจหอบ ความดันเลือดต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากเป็นสายพันธุ์ที่มีสารเป็นพิษสูง กินแค่ 3 เมล็ดก็เกิดอันตรายได้ วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากพบผู้ป่วยกินเมล็ดสบู่ดำ ให้ดื่มนมจำนวนมากๆ หรือทำให้อาเจียน และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว หากผิวหนังสัมผัสน้ำยางของสบู่ดำ ให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำสบู่ทันที
ที่ผ่านมา ผู้ได้รับพิษจากสบู่ดำส่วนใหญ่เป็นเด็กวัยเรียน ตั้งแต่อายุ 3-15 ปี และมักเกิดขึ้นในโรงเรียน ดังนั้นหากโรงเรียนมีการปลูกต้นสบู่ดำ ควรเฝ้าระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กระดับอนุบาลและประถมศึกษา ซึ่งกำลังอยู่ในวัยซุกซน อยากรู้ อยากลอง รวมทั้งควรให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เด็กนักเรียน เกี่ยวกับพิษภัยที่เกิดจากการสัมผัสหรือกินเมล็ดสบู่ดำ ตลอดจนการนำไปใช้ประโยชน์อย่างถูกวิธีด้วย นายแพทย์สมยศ กล่าวในตอนท้าย
สิงหาคม3/1 ************* 13 สิงหาคม 2550
View 14
13/08/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ