กระทรวงสาธารณสุขไทยพัฒนางานบริการด้านสุขภาพจิตในเมียนมาร์หวังขยายบริการให้ครอบคลุมทั้งในเขตเมืองและชนบท รวมทั้งเพิ่มบริการจิตเวชเด็กการตรวจคัดกรองพัฒนาการเด็ก และการดูแลเด็กพิเศษให้โควตาพิเศษอบรมบุคลากร ในปี 2559 จะร่วมมือเร่งรัดพัฒนาสถานบริการสาธารณสุขตามแนวชายแดนให้เมียนมาร์5 แห่ง
เที่ยงวันนี้ (24 กรกฎาคม 2558) ที่โรงแรมดุสิตไอร์แลนด์รีสอร์ทจ.เชียงรายศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะรัชตะนาวินรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทยพร้อมด้วยนายแพทย์ธานอุงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาร์ (H.E. Dr.Than Aung)ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการความร่วมมือพัฒนางานสาธารณสุขระหว่างไทย-เมียนมาร์พ.ศ. 2559–2561ตามกรอบบันทึกความร่วมมือที่ได้ลงนามก่อนหน้านี้เมื่อพ.ศ.2556
ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะกล่าวว่าความร่วมมือที่จะดำเนินการในปี2558-2559 มี 2 เรื่องคือ1.งานบริการด้านสุขภาพจิตที่ทางเมียนมาร์ต้องการเพิ่มบริการให้ครอบคลุมเขตเมืองและชนบทรวมทั้งเพิ่มงานจิตเวชเด็กคัดกรองพัฒนาการเด็กการรักษาผู้ป่วยจิตเวชและงานสุขภาพจิตชุมชน โดยจะจัดอบรมแพทย์พยาบาลจิตเวชเด็กนักกายภาพบำบัดนักกิจกรรมบำบัดและครูเป็นเครือข่ายดูแลเด็กพิเศษซึ่งไทยเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านสุขภาพจิตชุมชนของอาเซียนจะให้โควตาพิเศษแก่เมียนมาร์เริ่มอบรมในเดือนพฤษภาคม–กรกฎาคม2559 เพื่อให้ขยายบริการได้เร็วที่สุด 2.การฝึกอบรมบุคลากรด้านการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคเน้นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์การตรวจเชื้อวัณโรคดื้อยาจะอบรมในเดือนพฤษภาคม 2559 โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การอนามัยโลกและกองทุนโลกเพื่อแก้ไชปัญหาเอดส์วัณโรคและมาลาเรีย
สำหรับการทำงานตามแผนปฏิบัติการฯพ.ศ.2559-2561 ที่จะเร่งรัดดำเนินการโดยเร็วคือการพัฒนาสถานบริการสาธารณสุข5 แห่งตามแนวชายแดนในเขตเมียนมาร์แห่งแรกคือรพ.พญาตองซูอยู่ตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์จ.กาญจนบุรีจะปรับปรุงโครงสร้างเพิ่มศักยภาพบริการรักษาพยาบาลฝึกอบรมบุคลากร และสนับสนุนยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นและสถานีอนามัยอีก4 แห่งคือบ้านโอเคคีย์จ.เมียวดีชายแดนอ.อุ้มฝางจ.ตากบ้านยาลีอะจ.เมียวดี ชายแดนอ.แม่ระมาดจ.ตาก บ้านแม่โจกจ.ยองข่า และบ้านปลาคาวจ.ท่าขี้เหล็กชายแดนอ.แม่ฟ้าหลวงจ.เชียงรายโดยในระยะเร่งด่วนจะอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขสนับสนุนยาและเวชภัณฑ์วัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานโดยไทยและเมียนมาร์จะร่วมกันสำรวจเพื่อวางแผนการจัดงบประมาณและแผนการให้ความช่วยเหลือในเดือนสิงหาคม2558 โดยจะใช้แหล่งเงินจากทั้ง2 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศอาทิไจก้าองค์การสหประชาชาติ
นอกจากนี้ยังได้มอบให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พัฒนาศักยภาพการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันเชื้ออีโบลาและเมอร์สของเมียนมาร์ซึ่งในเบื้องต้นนี้รัฐบาลไทยจะสนับสนุนการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงรายและเชียงใหม่ส่วนกรอบความร่วมมือด้านอื่นๆอาทิการควบคุมเฝ้าระวังโรคคุณภาพอาหารและยายาสมุนไพรเครื่องสำอางการส่งเสริมสุขภาพและระบบบริการสุขภาพในแรงงานอพยพก็จะดำเนินการต่อเนื่องทั้งการฝึกอบรมบุคลากรศึกษาวิจัยเรื่องการแพทย์พื้นบ้านระบบบริการแรงงานต่างชาติและประชาชนตามแนวชายแดนจะจัดทำรายละเอียดร่วมกันต่อไป
************************************** 24 กรกฎาคม2558
View 16
24/07/2558
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ