กระทรวงสาธารณสุข เปิดตัวโครงการรณรงค์ “ยืดอก พกถุง” สร้างค่านิยมคนไทยและวัยรุ่น กล้าซื้อถุงยางอนามัยใช้ป้องกันโรคเอดส์ เชื้อไวรัสอื่นๆ ที่ติดทางเพศสัมพันธ์ เผยขณะนี้วัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไม่ถึงครึ่ง เหตุเพราะอายแม่ค้า ไม่กล้าซื้อ ไม่กล้าพกพา และกลัวถูกมองว่า เซ็กส์จัด วันนี้ (27 กรกฎาคม 2550) ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ราชประสงค์ กทม. นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดตัวโครงการ “ยืดอก พกถุง” และคอนเสิร์ต ปาล์มมี่ “ยืดอก พกถุง” ครั้งที่ 1 ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนโลกเพื่อการต่อสู้กับโรคเอดส์ เพื่อรณรงค์สร้างทัศนคติให้คนไทยและเยาวชนไทย ให้กล้าซื้อถุงยางอนามัย กล้าพกติดตัว และใช้ทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์ เช่นเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัสต่างๆ เช่นเดียวกับการป้องกันโรคทางเดินอาหารต้องใช้ช้อนกลางตักอาหาร การมีเพศสัมพันธ์ก็เช่นกันต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันโรคซึ่งจะป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนซึ่งอายุยังน้อย เป็นอนาคตของชาติ ต้องคำนึงถึงอนาคตตนเองด้วย และเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น โดยมี 13 ศิลปินร่วมบอกเล่าประสบการณ์ความรักในช่วงวัยรุ่น แลกเปลี่ยนความคิดเห็นมุมมองวัยรุ่นและการแสดงความรับผิดชอบต่อความรัก และออกบูธกิจกรรม นายแพทย์มงคลกล่าวว่า ขณะนี้สังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหากลุ่มวัยรุ่น ซึ่งมีบางกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ที่สำคัญคือการติดเชื้อเอชไอวี การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ การทำแท้ง ทำให้อนาคตดับมืดลง คาดการณ์ว่าในปีที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในไทยประมาณ 16,000 ราย กว่า 1 ใน 3 เป็นเยาวชนหญิง และแม่บ้านที่ติดเชื้อจากสามี รองลงมาคือกลุ่มชายรักชาย ร้อยละ 24 จากรายงานผู้ป่วยโรคเอดส์ทั่วประเทศของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่กันยายน 2547 – มิถุนายน 2550 พบว่าผู้ป่วยโรคเอดส์ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 25 – 34 ปีประมาณร้อยละ 50 นั่นหมายถึงว่าคนกลุ่มนี้ติดเชื้อเอชไอวีมาตั้งแต่อายุ 15-24 ปี และในกลุ่มเยาวชนอายุ 15 – 19 ปี พบว่าเพศหญิงป่วยเป็นเอดส์สูงกว่าเพศชายถึง 2 เท่าตัว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง นายแพทย์มงคลกล่าวต่อว่า สาเหตุที่เยาวชนติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การสอนเด็กเรื่องเพศศึกษายังไม่ครอบคลุมในสถานศึกษาทุกแห่ง และพ่อแม่ไม่กล้าสื่อสารหรือพูดคุยเรื่องเพศกับลูก ทำให้เด็กไทยขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย โดยมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนหรือคู่รักต่ำกว่าร้อยละ 50 จากการสำรวจพฤติกรรมวัยรุ่นในปี 2549 พบว่าวัยรุ่นชายร้อยละ 17 วัยรุ่นหญิงร้อยละ 9 มีเพศสัมพันธ์แล้ว ส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 80 มีเพศสัมพันธ์กับคนรัก โดยใช้ถุงยางอนามัยร้อยละ 47 ส่วนวัยรุ่นหญิงใช้ถุงยางอนามัยร้อยละ 39 หากปล่อยปัญหานี้ไปเรื่อยๆ มั่นใจว่าโรคเอดส์จะหวนกลับมาแพร่ระบาดในประเทศไทยแน่นอน จึงต้องเร่งรณรงค์ป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มเยาวชนเป็นการด่วน โดยให้ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า ป้องกันการติดเชื้อเอดส์ทางเพศสัมพันธ์ที่ดีและถูกที่สุด และหากจะให้ดีกว่านี้ คือการไม่มีเพศสัมพันธ์จะปลอดภัยที่สุด จากการสอบถามวัยรุ่นที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย พบว่าส่วนใหญ่อายผู้ขายโดยเฉพาะที่เป็นผู้หญิง จึงไม่กล้าซื้อ และไม่กล้าพกติดตัว วัยรุ่นเชื่อว่าคนที่พกถุงยางอนามัย เป็นคนเซ็กส์จัด หมกมุ่นเรื่องเพศ และไม่กล้าใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนเพราะเกรงว่าแฟนจะคิดว่าตนรู้สึกรังเกียจ ไม่รัก ไม่ไว้ใจ จะใช้เฉพาะกับผู้ขายบริการทางเพศเท่านั้น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะทุกคนมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ รวมทั้งคนที่ดูจากภายนอกว่ามีสุขภาพดีอาจจะเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้ ไม่เฉพาะแต่ผู้ขายบริการทางเพศเท่านั้น” นายแพทย์มงคล กล่าว ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การรณรงค์สร้างทัศนคติให้เยาวชนไทยใช้ถุงยางอนามัยเพื่อลดปัญหาเอดส์ จะดำเนินการไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2550 โดยในวันที่ 18 สิงหาคม 2550 จะมีคอนเสิร์ตยืดอก พกถุง ครั้งที่ 2 ที่ศูนย์การค้ากาดสวนแก้ว จ.เชียงใหม่ และจัดนิทรรศการสัญจร 6 ครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมเยาวชนทุกกลุ่ม ได้แก่เยาวชนในชุมชนที่จังหวัดลำปางและอุดรธานี เยาวชนในสถานประกอบการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนครปฐม เยาวชนในสถานศึกษาที่จังหวัดราชบุรี และนครศรีธรรมราช รวมทั้งจัดทำสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ และจะขยายผลไปยังประชากรกลุ่มอื่น ๆ ต่อไป ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบความสำเร็จในการป้องกันโรคเอดส์ โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างชัดเจนเหลือเพียง 1 ใน 9 ของเมื่อ 14 ปีที่แล้ว แต่ขณะนี้เริ่มมีแนวโน้มว่าโรคเอดส์จะกลับมาแพร่ระบาดขึ้นอีก คณะผู้เชี่ยวชาญคาดว่าในปี 2550 ไทยจะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสะสมประมาณ 1,102,628 ราย เสียชีวิตประมาณ 558,895 ราย เหลือผู้ที่ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 546,578 ราย นายแพทย์ธวัชกล่าว กรกฎาคม ****************************** 27 กรกฎาคม 2550


   
   


View 16    27/07/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ