![](https://pr.moph.go.th/assets/uploads/news/2566/default.png)
วันนี้ (3 ธันวาคม 2557) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศาสตราจารย์ ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์พิเศษ ทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ผู้อำนวยการ หน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและคณะผู้บริหาร ร่วมเปิดกิจกรรมรณรงค์ “จากฟันเทียมสู่รากฟันเทียม ข้าวอร่อย ความสุขพระราชทาน เป็นของขวัญแก่ประชาชน” ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ในเนื่องโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2557
ศ.ดร.ยงยุทธกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยปัญหาสุขภาพช่องปากของประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ที่สูญเสียฟันทั้งปาก ทำให้กินอาหารได้น้อย เนื่องจากไม่มีฟันบดเคี้ยวอาหาร ส่งผลต่อสุขภาพตามมา ต้องได้รับการบริการใส่ฟันเทียมและรากฟันเทียม เพื่อใช้แทนฟันจริง โดยเฉพาะรากฟันเทียมเป็นเทคโนโลยีเฉพาะทางด้านทันตกรรม ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาแพง รากละประมาณ 50,000 - 100,000 บาท ประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่สามารถเข้าถึงบริการได้ จนทำให้มีการพัฒนารากฟันเทียมไทยตามกระแสพระราชดำรัส โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำโครงการฟันเทียมพระราชทาน และโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ พ.ศ. 2548 และ 2550 เป็นต้นมา ส่งผลให้คนไทยได้ใส่ฟันเทียมแล้ว 380,000 คน และผู้ที่มีปัญหาฟันเทียมหลวม เนื่องจากสันเหงือกแบนได้รับการฝังรากฟันเทียมไปแล้ว 10,000 ราย ช่วยให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ในปี 2558 นี้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดให้ทั้ง 2 โครงการเฉลิมพระเกียรตินี้ เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นของขวัญอันทรงคุณค่าที่ทรงพระราชทานแก่ชาวไทย โดยฟันเทียมพระราชทานเปิดให้บริการที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศกว่า 900 แห่ง รากฟันเทียมเปิดให้บริการที่โรงพยาบาลสังกัดภาครัฐ ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 200 กว่าแห่ง ฟรี
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2558 นี้ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าหมายใส่ฟันเทียมแก่ผู้ที่สูญเสียฟันทั้งปาก หรือตั้งแต่ 16 ซี่ขึ้นไป จำนวน 35,000 คน และฝังรากฟันเทียมให้แก่ผู้ที่ใส่ฟันเทียมพระราชทานแล้วยังมีปัญหาในการเคี้ยวอาหาร ในโครงการรากฟันเทียมพระราชทานต่อเนื่อง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 5,000 คน โดยรากฟันเทียมที่ใช้ในโครงการนี้ ผลิตในประเทศไทย พัฒนาโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำจากวัสดุไทเทเนียม มีความทนทานมาก ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “ข้าวอร่อย” โดยทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมให้ผู้ป่วยรายละ 2 ราก เพื่อเป็นฐานยึดฟันเทียมชิ้นล่างไว้ไม่ให้เคลื่อนหรือเลื่อนหลุดขณะเคี้ยวอาหาร ขณะนี้ทันตบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมให้บริการฟันเทียมและรากฟันเทียมทั่วถึงทุกภูมิภาคแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจของกรมอนามัยล่าสุดในปี 2555 พบว่ามีผู้สูงไทยเป็นกลุ่มที่พบว่าสูญเสียฟันทั้งปากมากที่สุด โดยในกลุ่มอายุ 60 - 74 ปี พบมากถึงร้อยละ 7.2 ยิ่งอายุมากขึ้นการสูญเสียก็ยิ่งมากขึ้น กลุ่มอายุ 80 - 89 ปี สูญเสียฟันทั้งปากร้อยละ 32.2 กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดำเนินการค้นหาในชุมชน หมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อขึ้นทะเบียนและส่งตัวเข้ารับบริการตามความเหมาะสมที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่ประสบปัญหาได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย และสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
******************************** 3 ธันวาคม 2557
View 8
03/12/2557
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ