![](https://pr.moph.go.th/assets/uploads/news/2566/default.png)
สาธารณสุข เผยสถานการณ์โรคมาลาเรี
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 25เมษายนของทุกปี องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้เป็ นวันมาลาเรียโลก เพื่อรณรงค์ให้ทุกประเทศเร่งขจั ดปัญหาโรคมาลาเรียให้หมดไปจากพื้ นที่ องค์การอนามัยโลกระบุว่าในปีที่ ผ่านมา พบผู้ป่วยมาลาเรียใน 97 ประเทศ ประมาณ 207 ล้านคน เสียชีวิต 6 แสนกว่าคน ร้อยละ 90 ของผู้เสียชีวิต ส่วนมากอยู่ทวีปแอฟริกา ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5ปี ในปี 2557 นี้กำหนดคำขวัญรณรงค์ว่า “ร่วมลงทุนเพื่ออนาคตที่สดใส ร่วมใจเอาชนะมาลาเรีย ” (Invest in the Future : Defeat Malaria) โดยประเทศไทย ได้จัดรณรงค์ในพื้นที่ต่างๆ เน้นการให้ความรู้ ความเข้าใจโรค สาเหตุการเกิด และการป้องกัน ประเด็นสำคัญที่สุดคือการรั บประทานยารักษาให้ครบสูตร เพื่อป้องกันมาลาเรียดื้อยา
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า สถานการณ์โรคมาลาเรียของไทยมี แนวโน้มลดลง สำนักโรคติดต่ อนำโดยแมลงรายงานปี 2556 พบผู้ป่วย 41,596 ราย เสียชีวิต 47 ราย ร้อยละ 90 พบในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ไทย-ลาว ไทย-กัมพูชา และไทย-มาเลเซีย ในปีงบประมาณ 2557 นี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 -19 เมษายน 2557 พบผู้ป่วยมาลาเรียแล้ว 11,712 ราย เป็นชาวไทย 8,246 ราย ที่เหลือเป็นต่างชาติ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 ผู้ป่วยลดลงร้อยละ 40
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อไปว่า โรคมาลาเรียเกิดจากยุงก้นปล่อง โดยทั่วไปมี 4 ชนิด คือไวแวกซ์ ฟัลซิพารั่ม โอวาเล่ และมาลาเรียอี เชื้อที่พบในไทยมากที่สุดในปี2556 คือไวแวกซ์ร้อยละ 52 รองลงมาคือชนิดฟัลซิพารั่มร้ อยละ 48 ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้พั ฒนาสูตรยารักษาผู้ป่วยจากเชื้ อแต่ละตัวเพื่อให้หายขาด ปรากฏว่า ยาที่ใช้รักษาเชื้อไวแว็กซขณะนี้ ได้ผลดีมาก แต่เชื้อชนิดฟัลซิพารั่ม รายงานผลการเฝ้าระวังพบว่าดื้ อยาสูตรยาเดี่ยวตั้งแต่ พ.ศ.2543 เป็นต้นมา ที่บริเวณชายแดนไทย –กัมพูชา พบประมาณร้อยละ3 สาเหตุหลักจากผู้ป่วยกินยาไม่ต่ อเนื่อง ได้แก้ไขโดยพัฒนาสูตรการรั กษาเป็นยาผสม2 ตัวคือยาอาร์ติซูเนตกั บเมฟโฟลควิน พบว่าได้ผลดีเป็นบางพื้นที่ และมีแนวโน้มการดื้ อยากระจายไปยังชายแดนไทย–เมียนมาร์ และพื้นที่อื่นๆ จากการเคลื่อนย้ายแรงงาน กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เร่งแก้ ไขปัญหา โดยจัดโครงการยับยั้งการแพร่เชื ้อมาลาเรียที่ดื้อต่อยาผสมอนุพั นธุ์อาร์ติมิซินิน เริ่มตั้งแต่พ.ศ. 2544-2559 แบ่งเป็น 2ระยะ คือระยะที่ 1 ดำเนินการในพื้นที่ 43 จังหวัด พ.ศ. 2554-2555 ดำเนินการครอบคลุมหมู่บ้านแพร่ เชื้อมาลาเรีย2,578 หมู่บ้าน
ในระยะที่ 2 ช่วง พ.ศ.2556-2559 ดำเนินการในพื้นที่เสี่ยง27 จังหวัดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ชายแดนไทย-เมียนมาร์ และชายแดนไทย-มาเลเซียที่มี การดื้อยา ได้แก่ ชลบุรี สระแก้ว ระยอง ตราด จันทบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พังงา สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง สงขลา ยะลา นราธิวาส มุกดาหาร กาฬสินธุ์ และสกลนคร โดยได้รับการสนับสนุ นงบประมาณจากกองทุนโลกรวม 3 ปี จำนวน 647 ล้านกว่าบาท
ด้านนายแพทย์โสภณ เฆมธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการควบคุมปัญหาเชื้อมาลาเรี ยดื้อยาในระยะที่2 นี้ จะดำเนินการในหมู่บ้านใน 27 จังหวัดรวม 2,876 หมู่บ้าน โดยจะตรวจเลือดค้นหาเชื้ อมาลาเรียในประชาชนไทยและต่างด้ าว หากตรวจพบจะทำการรักษาฟรีทุกราย โดยตั้งคลินิกมาลาเรียในชุมชน 188 แห่ง และตั้งตามแนวชายแดนอีก 25 แห่ง เช่นที่จุดผ่านแดนถาวรหรือชั่ วคราว อบรมพนักงานเพื่อตรวจรักษา ติดตามผู้ป่วยเพื่อกินยาให้ ครบสูตร 3 วัน และติดตามต่อเนื่องเพื่อให้แน่ ใจว่าผู้ป่วยกินยาและหายขาดไม่ กลับมาป่วยซ้ำอีก ภายใน 28 วันหลังรักษาครั้งแรก นอกจากนี้ จะมีการพ่นสารเคมีตามบ้านเรื อนเพื่อฆ่ายุงก้นปล่องและแจกมุ้ งชุบสารไพรีทรอย ฤทธิ์คงทนใช้ได้นาน 3 ปีและแจกซ้ำทุก 3 ปี แจกยาทากันยุง รวมทั้งการเผยแพร่คำแนะนำป้องกั นโรคมาลาเรียเป็นภาษาท้องถิ่ นหรือภาษาพม่า เป็นต้น โดยร่วมมือกับองค์เอกชนองค์ กรนานาชาติอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ จะมีการศึกษาวิจัยปัญหามาลาเรีย ทั้งในด้านการตรวจค้นหาผู้ป่ วยและการรักษา การวิจัยเพื่อการป้องกันปั ญหาการกลับมาป่วยซ้ำของผู้ป่ วยเชื้อมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ ในพื้นที่ที่มีปัญหาชุกชุม การวิจัยการรักษามาลาเรียในหญิ งตั้งครรภ์ ซึ่งจะดำเนินงานที่จังหวัดตาก และการวิจัยวงจรชีวิตยุงก้นปล่ องที่ชายแดนไทย –พม่า ทั้งพฤติกรรม นิสัย และการดื้อต่อสารเคมี ซึ่งจะทำให้การควบคุมมีประสิทธิ ภาพยิ่งขึ้น
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า วิธีป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงก้ นปล่องกัด ขอแนะนำให้ประชาชนที่อาศัยหรื อผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวในพื้ นที่ชายแดนบริเวณที่เป็นภูเขาสู ง ป่าทึบ และมีแหล่งน้ำ ลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งแพร่พันธุ์ของยุ งก้นปล่อง ควรเตรียมมุ้งหรือเต็นท์ชนิดที่ มีตาข่ายกันยุง นอนในมุ้งชุบสารเคมี และสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว แนะนำให้ใช้สีอ่อน ๆ เพราะการใส่เสื้อผ้าสีดำ มักดึงดูดความสนใจให้ยุงกัดได้ มาก รวมทั้งจุดยากันยุง หรือทายากันยุงที่แขน ขา ใบหู หลังคอ และหลังการกลับจากป่า หากมีอาการหนาวสั่น มีไข้ ปวดศีรษะ อาเจียน เบื่ออาหาร บางรายปวดศีรษะมากอาจปวดลึกเข้ าไปในกระบอกตา กระสับกระส่าย ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่ โรงพยาบาลทุกแห่งใกล้บ้าน เพื่อรักษาและต้องแจ้งประวัติ การเข้าป่าหรือไปบริเวณพื้นที่ เสี่ยงให้แพทย์ทราบด้วย โรคนี้มียารักษาหาย หากรักษาเร็วจะช่วยลดความรุ นแรงของโรคและลดอัตราการเสียชี วิตได้ โดยขอให้กินยาหรือฉีดยาจนครบ เพื่อให้หายขาดและป้องกันเชื้ อดื้อยา หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมู ลได้ที่ศูนย์บริการข้อมู ลฮอตไลน์กระทรวงสาธารณสุข โทร. 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทร. 0-2590-3333”
***************************** **** 25เมษายน 2557
View 12
25/04/2557
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ