สธ. เตือนผู้นิยมสัมผัสลมหนาวบนยอดดอย  “เลี่ยงผิงไฟในเต็นท์  ดื่มเหล้าคลายหนาว” 

        โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนที่นิยมท่องเที่ยวสัมผัสลมหนาวบนยอดดอย ให้เลี่ยงความเสี่ยงอันตราย 2 เรื่องคือ เลี่ยงผิงไฟในเต็นท์และการดื่มเหล้าคลายหนาว ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด มีอันตราย เสี่ยงเสียชีวิตได้ง่าย แนะนำนักท่องเที่ยวควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วเพื่อรักษาความชุ่มชื้นผิว ออกกำลังกายเพิ่มภูมิต้านทานโรค  และรักษาความอบอุ่นร่างกาย โดยเฉพาะที่ศีรษะ ลำคอ และหน้าอก ป้องกันอวัยวะสำคัญขาดเลือด      

          วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2556) แพทย์หญิงพรรณพิมล  วิปุลากร โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สภาพอากาศในภาคเหนือหนาวเย็น มีน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งปรากฏตามยอดดอย ประชาชนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงวันหยุด ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ออกคำแนะนำประชาชนเพื่อป้องกันโรคที่มาพร้อมกับภัยหนาวที่พบได้บ่อย 6 โรค ได้แก่ ไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคสุกใส โรคมือเท้าปาก และโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันโรคดังกล่าว เน้นย้ำพิเศษกลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยง่าย 3 กลุ่มเนื่องจากภูมิต้านทานต่ำกว่ากลุ่มอื่น ได้แก่ 1.กลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี 2.ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป และ3.ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว ได้แก่ เบาหวาน โรคหัวใจ หอบหืด  โรคปอดเรื้อรัง โรคตับแข็ง โรคไต และโรคโลหิตจาง กลุ่มเหล่านี้หากป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าประชาชนทั่วไป  

      แพทย์หญิงพรรณพิมลกล่าวต่อว่า เรื่องที่เป็นห่วงและมักเป็นข่าวทุกปีในช่วงอากาศหนาวเย็น มี 2 เรื่อง  ประการแรกคือ ความเชื่อว่าการดื่มสุราจะช่วยแก้หนาวได้ เพราะดื่มแล้วร่างกายอบอุ่น จึงไม่สวมเสื้อกันหนาว ซึ่งไม่เป็นความจริงและเป็นเรื่องที่อันตราย โดยในช่วงแรกหลังดื่มสุราจะรู้สึกร้อนวูบวาบ ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัว ผลที่ตามมาที่ประชาชนคิดไม่ถึงคือร่างกายจะสูญเสียความร้อนและน้ำออกทางผิวหนังอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำลง หากดื่มเข้าไปมากแอลกอฮอล์จะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้เมาจนหลับไปโดยไม่ได้ดูแลร่างกายอบอุ่นอย่างเพียงพอ ทำให้เสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำได้ และมักพบในผู้ที่มีประวัติดื่มสุราเป็นประจำเกือบทุกปี ประการที่ 2 ไม่ควรนำเตาถ่านหรือตะเกียงน้ำมันก๊าดเข้าไปจุดให้ความอบอุ่นในเต็นท์ เนื่องจากในควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้ จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ เมื่อผู้ที่อยู่ในเต็นท์หายใจเอาก๊าซ 2 ชนิดนี้เข้าไป จะทำให้เซลล์ของอวัยวะต่างๆ ขาดออกซิเจนไปเลี้ยง โดยเฉพาะสมอง ทำให้เกิดอาการง่วง หลับโดยไม่รู้ตัว  และเสียชีวิตได้    

           ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวและพักแรมในเต็นท์ เตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม เช่นถุงนอน ผ้าปูรองพื้นเต็นท์ ผ้าห่ม เสื้อกันหนาว เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายอย่างเพียงพอ จุดที่จะต้องดูแลให้ความอบอุ่นเป็นพิเศษคือ ศีรษะ คอ และหน้าอก เนื่องจากมีเส้นเลือดใหญ่อยู่ใกล้ผิวหนังและไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญคือสมอง หัวใจ หากสัมผัสอากาศเย็นมากเป็นเวลานาน เส้นเลือดจะหดตัว เลือดไหลเวียนช้าลง อาจทำให้อวัยวะขาดเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยง เป็นอันตรายได้  

          สิ่งที่ประชาชนควรปฏิบัติในช่วงฤดูหนาวเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ คือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ประเภทแป้งและไขมัน เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว เนื้อสัตว์ติดมัน เพื่อช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย หากเป็นเด็กทารกควรให้กินนมแม่ เพราะนอกจากเด็กจะได้รับภูมิต้านทานโรคจากนมแม่แล้ว การที่แม่กอดลูกขณะกินนมยังสร้างความอบอุ่นให้กับเด็กด้วย  ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้วเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นผิวหนัง ทำให้ริมฝีปากและผิวหนังไม่แห้งแตก ทาโลชั่นป้องกันผิวแห้ง และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 วัน วันละไม่ต่ำกว่า 30 นาที  เพื่อสร้างภูมิต้านทานร่างกาย แพทย์หญิงพรรณพิมลกล่าว

 *****************************  7 พฤศจิกายน 2556



   
   


View 14    07/11/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ