กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจล่าสุดพบคนไทยสูบบุหรี่ 11 ล้านคน โดยติดงอมแงม 9 ล้านคน และมีคนเสี่ยงมะเร็งจากการสูดควันบุหรี่ในบ้านมากถึง 16 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นเด็กเกือบ 3 ล้านคน ชี้หากนักสูบไทยหยุดสูบ 1 วัน จะลดแพร่ควันมรณะได้ถึง 100 ล้านมวน โดยกระทรวงสาธารณสุขจะบังคับให้บุหรี่ซิการ์ที่ผลิตและนำเข้าจำหน่ายในประเทศ ต้องติดภาพคำเตือน 4 สี 5 ภาพเหมือนบุหรี่ซิการ์แร็ต ในเดือนกันยายน 2550 นี้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 100,000 บาท
วันนี้ (31 พฤษภาคม 2550) เวลา 15.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปทรงเปิดงานวันงดสูบบุหรี่โลก ประจำปี 2550 ที่ศูนย์การค้ามาบุญครองเซ็นเตอร์ โดยมี นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เฝ้ารับเสด็จฯ
ในการนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงประทานโล่รางวัลแด่หน่วยงานที่ดำเนินกิจกรรมควบคุมยาสูบและจัดให้สถานที่ราชการเป็นเขตปลอดบุหรี่ บุคคลผู้กระทำคุณประโยชน์ ผู้ให้การสนับสนุน และผู้มีผลงานดีเด่นด้านการควบคุมการบริโภคยาสูบ จำนวน 27 ราย และทรงปรุงเมนูปลาช่อนลุยสวน เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ประทานแก่ผู้ชนะการประมูลเมนูสุขภาพ เพื่อนำรายได้สมทบทุนสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงในประเทศไทย กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมการบริโภคยาสูบ และมีบริการตรวจสุขภาพ วัดความดันโลหิต ให้คำปรึกษาในการเลิกบุหรี่ แจกน้ำยาบ้วนปากอดบุหรี่ และให้คำแนะนำด้านกฎหมายแก่ประชาชนที่เข้าชมงาน ฟรี จนถึงเวลา 19.00 น.
นายแพทย์มงคลกล่าวว่า ในวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก รณรงค์ให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงพิษภัยบุหรี่ โดยขอความร่วมมือให้ผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกซึ่งขณะนี้มีประมาณ 1,300 ล้านคนหรือ 1 ใน 3 ของประชากรที่เป็นผู้ใหญ่ ให้หยุดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 วันในวันนี้ ในปีนี้มุ่งเน้นการคุ้มครอง สุขภาพประชาชนที่ไม่สูบบุหรี่ซึ่งทั่วโลกมีประมาณ 6,000 ล้านคน จากควันบุหรี่มือสองที่มาจากผู้สูบบุหรี่ โดยกำหนดคำขวัญรณรงค์ ว่า ไร้ควันบุหรี่ สิ่งแวดล้อมดี ชีวีสดใส หรือ SMOKE-FREE ENVIRONMENTS
ขณะนี้ ภัยจากการสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุการตายที่สำคัญของประชากรโลกในอันดับต้นๆ ปีละ 5 ล้านคน เฉลี่ยนาทีละประมาณ 10 คน หากไม่มีการรณรงค์แก้ปัญหาใด ๆ คาดว่าในอีก 14 ปีข้างหน้า หรือใน พ.ศ. 2563 ครึ่งหนึ่งของผู้สูบบุหรี่ในวันนี้ หรือประมาณ 650 ล้านคน จะจบชีวิตก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะวัยแรงงาน
นายแพทย์มงคล กล่าวต่อว่า องค์การอนามัยโลกรายงานผลสำรวจปัญหาของบุหรี่มือสอง ระหว่างปี 2542 2548 โดยสัมภาษณ์นักเรียนอายุ 13 15 ปีจาก 132 ประเทศทั่วโลก พบว่าร้อยละ 44 ได้รับควันบุหรี่ที่บ้าน อีกร้อยละ 56 ได้รับในสถานที่สาธารณะ ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 11 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินเดีย พม่า ติมอร์ตะวันออก อินโดนีเซีย บังคลาเทศ เนปาล ศรีลังกา ภูฐาน เกาหลีเหนือ และมัลดีฟ พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของเด็กนักเรียนไทยมีถึงร้อยละ 11.7 สูงกว่าอินเดียซึ่งมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 4.2
/นอกจากนี้ยังพบว่า...
- 2 -
นอกจากนี้ยังพบว่ากว่าร้อยละ 50 ของนักเรียนเกือบทุกประเทศ รับควันบุหรี่มือสองในสถานที่สาธารณะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายการห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะในภูมิภาคนี้ ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จะต้องเพิ่มความจริงจังให้มากกว่านี้ เนื่องจากในบุหรี่ 1 มวนเมื่อเกิดการเผาไหม้ จะเกิดสารพิษมากกว่า 4,000 ชนิด และในควันบุหรี่มือสองมีสารพิษอย่างน้อย 250 ชนิด โดยเป็นสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด จึงไม่มีใครปลอดภัยแม้จะไม่ได้เป็นผู้สูบบุหรี่ก็ตาม
นายแพทย์มงคล กล่าวว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีคนสูบบุหรี่เพียง 1 คนในเวลา 25 ปี จะมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งปอด 2 เท่าของบ้านที่ไม่มีคนสูบบุหรี่ สำหรับประเทศไทย ผลสำรวจล่าสุดปี 2549 โดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ มหาวิทยาลัยมหิดล พบครัวเรือนที่มีคนสูบบุหรี่ในบ้านมากถึง 7 ล้านกว่าครัวเรือนจากทั้งหมด 18 ล้านครัวเรือน หรือเกือบร้อยละ 40 แสดงว่ามีคนไทยจำนวนเกือบ 16 ล้านคนที่เสี่ยงเป็นมะเร็งเพราะสูดควันบุหรี่มือสอง ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีเกือบ 3 ล้านคน
ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2549 พบคนไทยอายุ 11 ปีขึ้นไปสูบบุหรี่ถึง 11 ล้านคน หรือร้อยละ 20 ในจำนวนนี้เป็นชาย 10.3 ล้านคน ที่เหลือเป็นผู้หญิง และมีคนติดบุหรี่ประมาณ 9.5 ล้านคน คนใต้ติดบุหรี่มากที่สุด สูบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 25 29 ปี อายุเฉลี่ยเริ่มสูบ 18 ปี อัตราการสูบของผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 15 เท่า โดยสูบเฉลี่ยวันละ 10 มวน เป็นที่น่าสังเกตว่าในกลุ่มผู้หญิงแม้สูบบุหรี่น้อยกว่าชาย แต่อัตราการสูบเพิ่มจาก 7 มวนเป็น 8 มวน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ คือ มะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง ปีละ 52,000 คน รัฐต้องสูญค่ารักษาไปปีละ 44,050 ล้านบาท และหากหยุดสูบบุหรี่เพียง 1 วัน จะสามารถหยุดการแพร่ควันพิษได้มากกว่า 100 ล้านมวน ประหยัดเงินกว่า 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจัดสถานที่ราชการ และรัฐวิสาหกิจเป็นเขตปลอดบุหรี่ 100 เปอร์เซ็นต์ ดำเนินการไปแล้ว 20 กระทรวง 9 หน่วยราชการเมื่อต้นปี 2549 พบว่าได้ผลดี ในปี 2550 จะขยายผลไปส่วนภูมิภาคทั้ง 75 จังหวัด และจะจัดกิจกรรมค่ายบำบัดรักษาเพื่อลดละเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง
ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2550 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ตามพ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 คือประกาศกระทรวงฉบับที่ 13 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำหนดให้บุหรี่ซิการ์ที่นำเข้าหรือผลิตในประเทศไทย จะต้องติดภาพและคำเตือนถึงพิษภัยบุหรี่เช่นเดียวกับบุหรี่ซิการ์แร็ต โดยบังคับให้ติดภาพคำเตือน 5 ภาพ พิมพ์ 4 สี ได้แก่ สูบแล้วปากเหม็นบุหรี่ ควันบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอด ควันบุหรี่นำชีวิตสู่ความตาย สูบแล้วเป็นมะเร็งช่องปาก และสูบแล้วเป็นมะเร็งกล่องเสียง โดยกำหนดให้พิมพ์ในขนาด 50 เปอร์เซ็นต์ของขนาดภาชนะบรรจุทุกรูปทรงที่มีพื้นที่ผิวมากกว่า 350 ตารางเซนติเมตร หากพื้นที่ภาชนะบรรจุน้อยกว่านี้ ให้พิมพ์ขนาดพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2550
ส่วนบุหรี่ซิการ์ที่นำเข้าหรือผลิตก่อนประกาศกระทรวงได้ผ่อนผันให้อีก 6 เดือน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้พร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 28 กันยายน 2550 หากหลังจากนี้ผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ยกเว้นบุหรี่ซิการ์ที่ผลิตหรือนำเข้าเพื่อส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ หรือเพื่อนำมาเป็นตัวอย่างการวิเคราะห์ วิจัยในประเทศไทย
View 27
31/05/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ