“สมศักดิ์” ประชุมผู้บริหาร สธ.นัดแรกปี 68 จัดเต็มของขวัญวันเด็ก-วันผู้สูงอายุ เพิ่มเข้าถึงการรักษาขั้นสูง ปลื้มมีคนนับคาร์บแล้ว 11.8 ล้านคน เดินหน้าให้ได้ 50 ล้านคน ภายในปี 2568
- สำนักสารนิเทศ
- 332 View
- อ่านต่อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้โรคไข้หวัดใหญ่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นการระบาดตามฤดูกาล ร้อยละ 50 เป็นชนิดเอ เอช 3 เอ็น 2 ไม่ใช่เชื้อตัวใหม่หรือมีการกลายพันธุ์แต่อย่างใด สำหรับไทย ในปี 2555 พบผู้ป่วย 61,296 ราย เสียชีวิต 3 ราย ต้นปี 2556 พบผู้ป่วย 144 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ยังไม่พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนมากผิดปกติ ย้ำประชาชนอย่าวิตกกังวล ยังสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ตามปกติ แต่หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดป้องกันการติดเชื้อ หากกลับจากต่างประเทศแล้วป่วยเป็นไข้ 2 วันอาการไม่ดีขึ้น ขอให้ไปพบแพทย์ โรคนี้ป้องกันได้โดยการรักษาสุขอนามัย “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หากป่วยให้สวมหน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อยๆ โรคนี้มียาโอเซลทามิเวียร์รักษาได้ และเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลชนิดที่กำลังระบาดในสหรัฐอเมริกาไว้แล้ว 1 แสนโด๊สสำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในปีที่ผ่านมา ภายในเดือนนี้ และจะขยายให้ครอบคลุม 4 แสนโด๊สภายใน 3 เดือนข้างหน้า
วันนี้ (14 มกราคม 2556) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ว่า ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา รายงานตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2555 – 5 มกราคม 2556 พบผู้ป่วยที่มีผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 28,747 ราย มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก 20 ราย โดยเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบมากที่สุดร้อยละ 49.8 เป็นสายพันุธ์เอ เอช 3เอ็น 2 รองลงมาเป็นชนิดเอ ไม่ระบุสายพันธุ์ย่อย ร้อยละ 27.45 ชนิดบีร้อยละ 22.18 และชนิดเอ เอช 1เอ็น 1 ร้อยละ 0.89 ซึ่งเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เดิม ไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่หรือมีการกลายพันธุ์แต่อย่างใด และเป็นสายพันธุ์ที่มีอยู่ในวัคซีนป้องกันโรคอยู่แล้ว ถือเป็นการระบาดตามฤดูกาลที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งในปีนี้เริ่มต้นค่อนข้างเร็ว
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทย ข้อมูลรายงานการเฝ้าระวังโรค ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตลอดทั้งปี 2555 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 61,296 ราย เสียชีวิต 3 ราย ในช่วงปลายปี 2555 มีแนวโน้มการระบาดที่สูงขึ้นกว่าปีก่อนๆ เล็กน้อย ในต้นปี 2556 ตั้งแต่วันที่ 1-5 มกราคม พบผู้ป่วย 144 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ยังไม่พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนที่มากขึ้นผิดปกติแต่อย่างใด เชื้อที่พบตรงข้ามกับที่พบในสหรัฐอเมริกา โดยพบเชื้อชนิดเอ เอช 3 เอ็น 2 ลดลงจากร้อยละ 21 เหลือเพียงร้อยละ 12 เท่านั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไปแล้วประมาณ 3 ล้านโด๊ส โดยฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง เช่นผู้สูงอายุ เด็กอายุ 6 เดือน - 2 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน ธาลัสซีเมีย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้มากกว่าคนปกติ รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อสูงจากการดูแลผู้ป่วย ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนเมื่อปีที่ผ่านมาจะยังมีภูมิคุ้มกันอยู่ สามารถช่วยลดความรุนแรงลงได้
“ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล เพราะไข้หวัดใหญ่ไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรง เป็นแล้วมียาโอเซลทามิเวียร์รักษาหายขาดได้ ซึ่งขณะนี้ สถานพยาบาลได้เตียมความพร้อมไว้แล้ว และกระทรวงสาธารณสุขมีสำรองอยู่ในคลังเพิ่มอีก 4 แสนแคปซูล เพียงพอในการรักษา ที่สำคัญในการป้องกันโรคนี้คือการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล โดย
ให้ยึดหลัก “กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ” และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หากป่วยเป็นไข้หวัด ขอให้นอนพักที่บ้าน และสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ส่วนผู้ที่มีอาการป่วยและผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ ขอให้รีบเข้ารับการรักษาทันที ” นายแพทย์ประดิษฐกล่าว
นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้วางแผนการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ของไทยครั้งต่อไป เป็นชนิดเดียวกับอเมริกาในปีนี้ด้วย เป็นไปตามหลักในการให้วัคซีนจะให้ตรงกับแนวโน้มการระบาด ซึ่งจะเริ่มต้นจากซีกโลกเหนือจากอเมริกาลงมา อย่างไรก็ตามได้เตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลชนิดใหม่ไว้แล้ว 1 แสนโด๊สสำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในปีที่ผ่านมาภายในเดือนนี้ และจะขยายให้ครอบคลุม 4 แสนโด๊สภายใน 3 เดือนข้างหน้า
นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้องค์การอนามัยโลก ยังไม่มีคำเตือนหรือจำกัดการเดินทางไปต่างประเทศ เพราะถือว่าเป็นการระบาดตามฤดูกาลของสหรัฐอเมริกา ประชาชนสามารถเดินทางได้ตามปกติ แต่ขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปอยู่ในสถานที่แออัดเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ส่วนผู้ที่กลับจากต่างประเทศหากป่วยเป็นไข้ 2 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้นขอให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโดยละเอียด หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรคหมายเลข 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
******************************* 14 มกราคม 2556